xs
xsm
sm
md
lg

จับตาสถานการณ์เด็กปี 54 จุดเปลี่ยนพัฒนาเด็ก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เสริมทัพการพัฒนาเด็กทั้ง สสค. กองทุนสื่อฯ เดินเครื่องพื้นที่นำร่องเมืองน่าอยู่สำหรับเด็ก เล็งเด็กชายขอบ เด็กนอกระบบ รวมพลังทุกภาคส่วนลดปัญหาแม่วัยรุ่น กลุ่มเสี่ยงยุวอาชญากร สกัดยาเสพติดเฉียบขาด

ดร.อมรวิชช์ นาครทรรพ อาจารย์ประจำคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้อำนวยการสถาบันรามจิตติในกำกับมูลนิธิภูมิปัญญา ในฐานะผู้จัดการแผนงาน Child Watch เพื่อการติดตามสภาวการณ์และขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาเด็ก โดยการสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ได้เปิดแถลงสภาวการณ์เด็กในรอบปีที่ผ่านมาเนื่องในโอกหาสวันเด็กประจำปี 2554 ว่า ในโอกาสวันเด็กปีนี้นอกจากกิจกรรมดีๆ สำหรับเด็กมากมาย น่าจะเป็นโอกาสที่สังคมช่วยกันทบทวนการดูแลการพัฒนาเด็กเยาวชนของเราในรอบปีที่ผ่านมา พร้อมกับมองไปข้างหน้าในปี 2554 ว่าสังคมจะมอบสิ่งดีๆ อะไรบ้างให้แก่เด็กที่เป็นอนาคตของประเทศ
สำหรับสภาวการณ์เด็กในรอบปีที่ผ่านมาจะมีข่าวที่น่าดีใจหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นแนวโน้มนักดื่มนักสูบในกลุ่มวัยรุ่น โดยเฉพาะระดับมัธยมที่ลดลงต่อเนื่องจากปีที่แล้วจากร้อยละ 11 เหลือร้อยละ 10 แนวโน้มเด็กเยาวชนที่ใช้เวลากับการเล่นกีฬาเป็นประจำที่มีมากถึงร้อยละ 38 ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว ตลอดจนแนวโน้มเด็กที่ใกล้ชิดกับศาสนามากขึ้น ทั้งการไปวัด ทำบุญตักบาตร ไหว้พระสวดมนต์ ซึ่งเพิ่มขึ้นเฉลี่ยจากประมาณร้อยละ 10 มาเป็นร้อยละ 14 และจำนวนเด็กเยาวชนที่มีจิตอาสาประกอบกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ก็เพิ่มจากร้อยละ 57 เป็นร้อยละ 61 แนวโน้มเหล่านี้ชี้ชัดว่าถ้าสังคมไทยขยายพื้นที่ดีให้เด็ก ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่กีฬา พื้นที่ทางศาสนาจิตวิญญาณ ตลอดจนพื้นที่ของการทำกิจกรรมจิตอาสาก็จะยิ่งเสริมแนวโน้มเหล่านี้ให้เป็นจุดเด่นและจุดแข็งของเด็กไทยในปีใหม่นี้ยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม เรื่องที่ยังต้องจับตาและเป็นงานที่ท้าทายของรัฐบาลนี้ในการพัฒนาเด็กก็ยังคงมีอีกหลายเรื่อง ตั้งแต่ปัญหาเด็กที่หลุดจากระบบโรงเรียนออกมาเป็นเด็กกลุ่มเสี่ยงที่เป็นปรากฏการณ์ที่ต้องเร่งระวังเพราะตัวเลขเด็กนอกระบบเหล่านี้เฉพาะเด็กต่ำกว่า 15 ปีที่ถูกออกจากโรงเรียนและมาเรียนกับ กศน.ก็มีจำนวนสูงถึงเกือบ 150,000 คนแล้ว ซึ่งหากรวมเด็กที่หลุดจากระบบโรงเรียนทั้งหมดอาจมีสูงถึงนับล้านคน ซึ่งรัฐบาลต้องเร่งสำรวจติดตามและมีมาตรการเข้าไปช่วยเหลือดึงเด็กเหล่านี้กลับมาสู่การเรียนการงานและการเป็นสมาชิกที่มีค่าของสังคม นอกจากนี้ สังคมไทยยังคงต้องเผชิญหน้ากับปัญหาแม่วัยรุ่นแม่วัยเรียนอย่างหนักต่อไปโดยตัวเลขที่สำรวจโดยหลายหน่วยงานชี้ว่าปีหนึ่งๆ มีจำนวนแม่วัยรุ่นต่ำกว่า 19 ปีมาทำคลอดประมาณ 80,000-120,000 คนซึ่งเป็นจำนวนที่สูงเมื่อคิดเป็นอัตราส่วนต่อประชากรในกลุ่มอายุและเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ นับว่าไทยมีอัตราส่วนแม่วัยรุ่นสูงลำดับต้นๆ ของโลกทีเดียว ซึ่งการแก้ปัญหานั้นต้องอาศัยการรวมพลังทุกภาคส่วนตั้งแต่ครอบครัว โรงเรียน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ฝ่ายปกครองและกระทรวงด้านสังคมทั้งหมดที่จะต้องให้ “ยาชุด” เป็นภูมิคุ้มกันแก่เด็กไทย ทั้งการสอนเพศศึกษาและทักษะชีวิตอย่างตรงไปตรงมากับเด็ก การรณรงค์ปลูกฝังวินัยและความรับผิดชอบต่อตนเองและผู้อื่น ที่ต้องเริ่มจากฐานครอบครัวและโรงเรียน

อยากเสนอให้ปี 2554 นี้เป็นปีแห่งการปฏิวัติการเลี้ยงลูกของครอบครัวไทยทั้งความอบอุ่นใกล้ชิดการดูแลและการปลูกฝังลักษณะนิสัยและคุณค่าที่ดีแบบไทยๆ ให้แก่เด็กตั้งแต่เล็กๆ โดยรัฐบาลน่าจะต้องลงทุนอีกมหาศาลกับงานครอบครัวและงานการศึกษาที่จะเป็นทางออกสำคัญจากปัญหาเด็กเยาวชนที่สังคมเผชิญอยู่ในเวลานี้ รวมไปถึงปัญหาอื่นๆ ทั้งปัญหาอาชญากรรม ความรุนแรง ปัญหาเด็กติดสื่อติดเกม ตลอดจนปัญหายาเสพติดที่กลับมาทวีความรุนแรงขึ้นที่ต้องอาศัยการรวมพลังทุกฝ่ายเช่นกันสกดัปัญหาเหล่านี้อย่างเฉียบขาดเช่นกัน” ดร.อมร์วิชช์กล่าว

ดร.อมรวิชช์ กล่าวต่อไปว่า ตนมองปี 2554 ด้วยความหวังที่ดีว่าปี 2554 อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในงานพัฒนาเด็กเยาวชนของประเทศ เนื่องจากรัฐบาลได้แสดงเจตนารมย์ที่แรงกล้าในเรื่องนี้มาโดยตลอด โดยมีการเสริมกลไกการพัฒนาเด็กในรูปกองทุนขึ้นมาถึง 2 กองทุนเป็นอย่างน้อย คือ กองทุนพัฒนาสื่อสร้างสรรค์เพื่อเด็กและครอบครัว ที่เริ่มดำเนินการแล้วและจะมีเงินนับพันล้านบาท ในการสนับสนุนการผลิตสื่อดีทุกรูปแบบให้แก่เด็ก กับกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมคุณภาพชีวิตเยาวชน (สสค.) ที่เริ่มดำเนินการแล้วและมีงบประมาณกว่า 2,000 ล้านบาท ที่จะเป็นกลไกหนุนเสริมงานพัฒนาเด็กหลายๆ เรื่องที่ตนกล่าวไปอย่างมีพลังและเห็นผลเป็นรูปธรรมมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการริเริ่มนำร่องการพัฒนาเชิงพื้นที่เพื่อสร้างเมืองน่าอยู่สำหรับเด็กในพื้นที่หลายจังหวัดอันเป็นความร่วมมือระหว่าง สสส.กับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์อีกด้วย สิ่งเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งในความเปลี่ยนแปลงหลายๆ เรื่องในงานพัฒนาเด็กที่เป็นข่าวดีสำหรับเด็กไทยทุกคน และหวังว่าในโอกาสวันเด็กนี้จะเป็นวันรวมพลังทุกภาคส่วนเพื่อสร้างจุดเปลี่ยนให้แก่ชีวิตเด็กไทยให้มีรากฐานมั่นคงเป็นอนาคตที่สวยงามของประเทศต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น