ล่วงเข้าสู่ปีใหม่ 4 ขุนพลข้างกาย “สุขุมพันธุ์ บริพัตร” ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ก็หยิบเอาโปรเจกต์ ใหม่-เก่า มานำเสนอ เพื่อช่วยสร้างความสุขให้กับคนกรุงเทพฯในศักราชใหม่นี้ ส่วนจะแจ่มและแจ๋วเพียงใดนั้นคงต้องให้ชาวเมืองทุกท่านเป็นผู้พิจารณา..
พรเทพ เตชะไพบูลย์ รองผู้ว่าฯ กทม.ขุนพลด้านโยธา แก้ปัญหาน้ำท่วม และสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ในปี 2554 นี้แนวป้องกันน้ำท่วมริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่เหลืออีก 1.226 กิโลเมตร จากความยาวทั้งหมด 77 กิโลเมตร ที่กำลังดำเนินการก่อสร้างคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปีนี้ รวมทั้งมีการศึกษาความเป็นไปได้ในการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาจากถนนราชวงศ์-ท่าดินแดง ถนนลาดหญ้า - มหาพฤฒาราม ถนนจันทน์-เจริญนคร เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาจราจร ในส่วนของการซ่อมสะพานข้ามคลองทั้ง 72 แห่งที่ชำรุดเนื่องจากใช้งานมานาน คาดว่า จะซ่อมแซมแล้วเสร็จกลางปีนี้เช่นเดียวกัน
ส่วนโครงการทางด้านสิ่งแวดล้อม ขุนพลคนนี้ กล่าวว่า จะเร่งรัดการก่อสร้างสวนสาธารณะที่ซอยเอกชัย 101 ที่มีพื้นที่ถึง 99 ไร่ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการจ้างออกแบบ คาดเริ่มก่อสร้างได้ในเดือนมิถุนายน 2554 ส่วนการแก้ไขปัญหาขยะนั้นกทม.มีโครงการที่จะว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาศึกษาความเป็นไปได้ในการก่อสร้างโรงเผาขยะขนาด 300 ตันต่อวัน และขนาด 2,000 ตันต่อวัน และมีเป้าหมายจะเพิ่มอีก 100 ชุมชนตามโครงการจัดการขยะมูลฝอยโดยชุมชน ที่จัดอบรมให้ชุมชนคัดแยกขยะที่ต้นทางซึ่งปัจจุบันมีชุมชนเข้าร่วมแล้วทั้งสิ้น 76 ชุมชน ตั้งแต่ปี 2552
ด้านมาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ขุนพลทางด้านการแพทย์และสาธารณสุข สำหรับชาวกรุง กล่าวว่า โครงการในปีนี้ยังคงเดินหน้าการก่อสร้างศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูผู้สูงอายุและโรงพยาบาลในเขตบางขุนเทียน ซึ่งคาดว่า จะสามารถเปิดประมูลด้วยระบบอีออกชั่นได้ในเดือนมกราคมนี้สำหรับการปรับพื้นที่ให้เรียบร้อยก่อน ส่วนโรงพยาบาลในสังกัดกทม.ที่เป็นโรงพยาบาลขนาดเล็กจะให้มีการปรับเป็นโรงพยาบาลขนาด 200 เตียง ส่วนโรงพยาบาลขนาดใหญ่ก็จะให้พัฒนาศักยภาพของตนเองให้เต็มที่โดยจะทำให้เป็นเหมือนวชิรพยาบาล รวมถึงจะมีการซ่อมและสร้างใหม่ศูนย์บริการสาธารณสุขของกทม.ให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้นที่สำคัญจะมีการตั้งให้เป็นสำนักงานศูนย์บริการสาธารณสุขเพื่อดูทั้งหมด และมีโรงพยาบาลในสังกัด
ขุนพลทางด้านสาธารณสุข ยังกล่าวด้วยว่า ในขณะเดียวกันก็มีนโยบายที่จะให้พนักงานรักษาความสะอาดของ กทม.ได้รับการอบรมเรื่องโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ เพื่อให้สามารถดูแลตัวเอง ตลอดจนให้คำแนะนำกับเพื่อนๆ ได้
ส่วนธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯ กทม.ยอดขุนพลทางด้านการจราจร การจัดระเบียบเมือง กล่าวว่า ในปี 2554 นี้ ในส่วนที่ตนเองรับผิดชอบนั้นมีหลายสำนักด้วยกันทั้งสำนักงบประมาณ สำนักยุทธศาสตร์และประเมินผล สำนักเทศกิจ และสำนักการจราจรและขนส่ง โดยโครงการปีนี้หลักๆจะเน้นที่การจัดระเบียบวินัยเมืองในด้านต่างๆ ทั้งการจัดระเบียบหาบเร่แผงลอย ป้ายผิดกฎหมาย โครงการทิ้ง-จับ-ปรับ เป็นต้น โดยจะมีโครงการใหม่คือตู้เขียวชุมชน ซึ่งจะเป็นการนำระบบ GPS เข้ามาตรวจตราการทำงานของเทศกิจว่ามีการลงพื้นที่ปฏิบัติงานในชุมชนต่างๆ จริงๆ หรือไม่ หรือว่าไปแอบอยู่ที่ไหน นอนที่ไหน เป็นต้น โดยจะตรวจสอบได้โดยเมื่อเทศกิจขับขี่ยานพาหนะผ่านตู้เขียวชุมชนก็จะมีการส่งสัญญาณเข้าไปที่ศูนย์บัญชาการว่าเจ้าหน้าที่เทศกิจรายนี้อยู่ ณ พิกัดใด พื้นที่ใด นอกจากนี้ ตู้เขียวชุมชนยังสามารถเป็นอุปกรณ์เตือนภัยเมื่อเกิดเหตุร้ายในชุมชนได้อีกด้วย และประชาชนยังสามารถยังตู้เขียวชุมชนนี้โทรแจ้งเหตุได้ด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ในเรื่องการจัดระเบียบวินัยเมือง ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ยกให้เป็นวาระแห่งชาตินั้น ทาง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.ได้แนะนำให้เชิญ คุณชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี และประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) มาเป็นทูต (Brand Ambassador) โดยจะมาเป็นผู้ให้ความรู้ เรื่องราวต่างๆ ที่เป็นประโยชน์เพื่อเป็นการเชิญชวนและกระตุ้นเตือนให้ทุกคนใส่ใจระเบียบวินัยมากขึ้น
ธีระชน ยังกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังมีโครงการ Sky Park เชื่อม 2 สวนเข้าด้วยกันได้แก่สวนลุมพินี และสวนเบญจกิติ โดยใช้โครงสร้างทางจักรยานต่างระดับที่มีอยู่เดิมซึ่งเคยสร้างไว้ในสมัยดร.พิจิตต รัตตกุล เป็นผู้ว่าฯ กทม.ทั้งนี้ จะนำแนวความคิดจากโครงการ High Line ของมหานครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา มาปรับในการสร้างสวนสาธารณะลอยฟ้าสำหรับกทม.โดยในส่วนงบประมาณการก่อสร้างนั้นจะเป็นการระดมทุนการกุศลจะไม่ใช้เงิน กทม.แต่อย่างใด
ส่วนทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าฯ กทม.ยอดขุนพลที่ขับเคลื่อนงานด้านเด็กและเยาวชน สวัสดิการสังคม ตลอดจนการท่องเที่ยว กล่าวว่า ในปีนี้จะเน้นโครงการทางด้านกายภาพเป็นหลักหลังจาก 2 ปีที่ผ่านมา ได้เน้นการพัฒนาคุณภาพชีวิต การศึกษาไปแล้ว โดยตนจะเดินหน้าการก่อสร้างสนามฟุตซอลเนื่องจากระยะเวลากระชั้นชิด ซึ่ง กทม.ได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลกในปี พ.ศ.2555 ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มต้นออกแบบสนามแข่งขันแล้ว รวมถึงจะเร่งสร้างกระแสการให้ประชาชนชาว กทม.มีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันครั้งนี้ นอกจากนี้ จะเร่งรัดให้พิพิธภัณฑ์เด็กแห่งที่ 1 ที่จตุจักร และแห่งที่ 2 ทุ่งครุ เปิดให้บริการเร็วยิ่งขึ้นซึ่งได้มีการปรับปรุงให้เป็น Discovery Learning Center เพื่อเป็นศูนย์การเรียนรู้ในแต่ละวัย อย่างไรก็ตาม ในส่วนหลักสูตรโตไปไม่โกงนั้นจะได้มีการติดตามผลใน 280 โรงเรียนที่ได้มีการเรียนการสอน รวมถึงขยายไปให้ครบทุกโรงเรียนในสังกัด กทม.ซึ่งเหลือเพียง 100 กว่าแห่งเท่านั้น และที่สำคัญ จะมีการขยายหลักสูตรให้ครอบคลุมถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ตามนโยบายของผู้ว่าฯ กทม.อีกด้วย ในส่วนของหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ก็จะเน้นการทำงานในเชิงรุกให้มากยิ่งขึ้นมีการรังสรรค์งานศิลป์เป็นของตนเอง
“อย่างไรก็ตาม กทม.ก็ไม่ได้ทอดทิ้งการดูแลผู้พิการโดยในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันแห่งความรัก กทม.จะจัดกิจกรรมมอบความรักให้กับผู้พิการ มีการจัดแพคเก็จพิเศษมอบให้ผู้พิการอย่างแน่นอน ส่วนจะเป็นอย่างไรนั้น ท่านผู้ว่าฯจะเป็นผู้แถลงให้ทราบในเร็ววันนี้” ทยา กล่าวทิ้งท้าย
