สกศ.วิจัยพบวัดหนุนจัดการศึกษากว่าร้อยละ 60 เผยหลายแห่งยังขาดแคลนศาสนทายาท ลุยงานต่อเนื่อง แนะรัฐประสานมหาเถรสมาคมช่วย พร้อมตั้งกองทุนช่วยเหลือ
รศ.ธงทอง จันทรางศุ เลขาธิการสภาการศึกษา เปิดเผยว่า สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) ร่วมกับ ดร.วิเชียร เกตุสิงห์ และ ผศ.รังสรรค์ ทิมพันธุ์พงษ์ และนายมนัส ภาคภูมิ ทำการวิจัย เรื่อง “การประเมินสถานภาพการมีส่วนร่วมของสถาบันพระพุทธศาสนาในการส่งเสริมการจัดการศึกษา” โดยเก็บรวบรวมข้อมูลจากวัดพัฒนาต้นแบบและวัดทั่วไปรวม 253 วัด และเก็บข้อมูลจากโรงเรียนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานรวม 392 แห่ง และสอบถามเจ้าอาวาส พระสงฆ์ กรรมการวัด ผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้สอน และกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน รวมผู้ให้ข้อมูลทั้งสิ้น 2,924 รูป/คน พบว่า วัดมากกว่าร้อยละ 60 ดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนการจัดการเรียนการสอนมากที่สุด คือ การเทศนาอบรม แนะนำนักเรียนในโอกาสวันสำคัญต่างๆ รองลงมาคือ การช่วยเหลือและร่วมมือกับโรงเรียนแก้ปัญหาความประพฤติของนักเรียน การอบรมส่งเสริมคุณธรรมรูปแบบต่างๆ แก่นักเรียน และการชักชวนบุคคลหรือองค์กรให้มาสนับสนุนการจัดกิจกรรมของโรงเรียน
รศ.ธงทอง กล่าวต่อว่า งานวิจัยยังพบปัญหาและอุปสรรคในการส่งเสริมการจัดการศึกษาหลายประการ อาทิ การดำเนินงานของวัดหลายแห่งขาดการบริหารจัดการที่เป็นระบบ ไม่มีรูปแบบการจัดโครงสร้างองค์กรที่ดี และการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐมีจำกัดหรือมีน้อยมากแทบจะทำอะไรไม่ได้เลย อีกทั้งการพัฒนาบุคลากรของวัดขาดความต่อเนื่อง โดยเฉพาะการขาดแคลนศาสนทายาทที่จะขึ้นมาเป็นพระสังฆาธิการ
“รัฐบาลควรสนับสนุนให้วัดได้มีส่วนร่วมในการส่งเสริมการจัดการศึกษาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั่วถึงและต่อเนื่อง และเป็นความจำเป็นเร่งด่วนที่รัฐจะต้องประสานงานกับมหาเถรสมาคมในการสร้างศาสนทายาท ทั้งนี้ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ควรจัดทำฐานข้อมูลของวัดทั่วประเทศ โดยเฉพาะวัดที่มีส่วนร่วมในการส่งเสริมการจัดการศึกษา นอกจากนี้ ควรทบทวนภารกิจของหน่วยงานด้านการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ให้มีการประสานความร่วมมืออย่างชัดเจน พร้อมทั้งรัฐควรจัดให้มีกองทุนเพื่อพัฒนาคุณภาพในการบริหารจัดการในการส่งเสริมการศึกษาของวัด” เลขาธิการ สกศ.กล่าว
รศ.ธงทอง จันทรางศุ เลขาธิการสภาการศึกษา เปิดเผยว่า สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) ร่วมกับ ดร.วิเชียร เกตุสิงห์ และ ผศ.รังสรรค์ ทิมพันธุ์พงษ์ และนายมนัส ภาคภูมิ ทำการวิจัย เรื่อง “การประเมินสถานภาพการมีส่วนร่วมของสถาบันพระพุทธศาสนาในการส่งเสริมการจัดการศึกษา” โดยเก็บรวบรวมข้อมูลจากวัดพัฒนาต้นแบบและวัดทั่วไปรวม 253 วัด และเก็บข้อมูลจากโรงเรียนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานรวม 392 แห่ง และสอบถามเจ้าอาวาส พระสงฆ์ กรรมการวัด ผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้สอน และกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน รวมผู้ให้ข้อมูลทั้งสิ้น 2,924 รูป/คน พบว่า วัดมากกว่าร้อยละ 60 ดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนการจัดการเรียนการสอนมากที่สุด คือ การเทศนาอบรม แนะนำนักเรียนในโอกาสวันสำคัญต่างๆ รองลงมาคือ การช่วยเหลือและร่วมมือกับโรงเรียนแก้ปัญหาความประพฤติของนักเรียน การอบรมส่งเสริมคุณธรรมรูปแบบต่างๆ แก่นักเรียน และการชักชวนบุคคลหรือองค์กรให้มาสนับสนุนการจัดกิจกรรมของโรงเรียน
รศ.ธงทอง กล่าวต่อว่า งานวิจัยยังพบปัญหาและอุปสรรคในการส่งเสริมการจัดการศึกษาหลายประการ อาทิ การดำเนินงานของวัดหลายแห่งขาดการบริหารจัดการที่เป็นระบบ ไม่มีรูปแบบการจัดโครงสร้างองค์กรที่ดี และการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐมีจำกัดหรือมีน้อยมากแทบจะทำอะไรไม่ได้เลย อีกทั้งการพัฒนาบุคลากรของวัดขาดความต่อเนื่อง โดยเฉพาะการขาดแคลนศาสนทายาทที่จะขึ้นมาเป็นพระสังฆาธิการ
“รัฐบาลควรสนับสนุนให้วัดได้มีส่วนร่วมในการส่งเสริมการจัดการศึกษาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั่วถึงและต่อเนื่อง และเป็นความจำเป็นเร่งด่วนที่รัฐจะต้องประสานงานกับมหาเถรสมาคมในการสร้างศาสนทายาท ทั้งนี้ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ควรจัดทำฐานข้อมูลของวัดทั่วประเทศ โดยเฉพาะวัดที่มีส่วนร่วมในการส่งเสริมการจัดการศึกษา นอกจากนี้ ควรทบทวนภารกิจของหน่วยงานด้านการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ให้มีการประสานความร่วมมืออย่างชัดเจน พร้อมทั้งรัฐควรจัดให้มีกองทุนเพื่อพัฒนาคุณภาพในการบริหารจัดการในการส่งเสริมการศึกษาของวัด” เลขาธิการ สกศ.กล่าว
