สพฐ.เตรียมคัดเลือก ร.ร.ดีประจำตำบลรอบสุดท้าย นำร่องปี’ 53 เล็งทุ่มงบ 20-30 ล้านบาท เนรมิต ปรับปรุง สร้างอาคาร โรงยิม สระว่ายน้ำ เข้มคุณภาพการสอน ส่งเสริมการเรียนร่วมเด็กปกติ-เด็กบกพร่อง “ชินวรณ์” ยันไม่เน้นปริมาณ
นายสมเกียรติ ชอบผล รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินโครงการโรงเรียนดีประจำตำบล ว่า ขณะนี้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ทั้ง 182 แห่ง ได้จัดส่งข้อมูลผลการคัดเลือกโรงเรียนดีประจำตำบลของแต่ละเขตพื้นที่ฯ มายังสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) แล้ว โดยหลังจากนี้คณะทำงานจะคัดเลือกให้เหลือประมาณ 50-80 แห่ง และเสนอต่อ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รมว.ศึกษาธิการ ก่อนที่จะพิจารณาจัดสรรงบประมาณลงไปให้แห่งละ 20-30 ล้าน เพื่อเป็นโรงเรียนนำร่องที่จะเริ่มในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2553 ทั้งนี้เกณฑ์ที่จะพิจารณานั้น ประกอบด้วย 1.การประชาคมกับองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) มีความชัดเจนหรือไม่ และ อบต.จะช่วยสนับสนุนในเรื่องใดบ้าง และ 2.ที่ตั้งของโรงเรียนอยู่ในจุดศูนย์กลางหรือไม่ ครูและผู้บริหารมีความพร้อมเพียงใด สำหรับโรงเรียนที่ยังไม่ได้รับการคัดเลือกในช่วงแรกนี้ จะให้เริ่มดำเนินการได้ในปี 2554
“ในปี 2553 โรงเรียนดีประจำตำบลจะมีสิ่งที่เห็นเป็นรูปธรรม อาทิ การปรับภูมิทัศน์โรงเรียนให้มีความร่มรื่น โดยได้ขอให้วิทยาลัยเกษตรเข้ามาช่วยดำเนินการ การปรับปรุงอาคารที่ชำรุดทรุดโทรมให้มีความใหม่ และจัดสร้างอาคารหลักเพิ่มเติม 1 หลัง เช่น อาคารเรียน หรือ โรงยิม แต่หากโรงเรียนใดมีความพร้อมก็จะให้มีการจัดสร้างสระว่ายน้ำ ส่วนการจัดการเรียนการสอนจะต้องเน้นคุณภาพ และ สพฐ.จะจัดส่งครูที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะลงไปให้แก่โรงเรียนด้วย โดยในอนาคตโรงเรียนจะต้องมีห้องสมุดไอซีที และมีการส่งเสริมเรื่องการเรียนร่วมระหว่างเด็กปกติและเด็กที่บกพร่องทางการเรียนรู้ ตามนโยบายของ รมว.ศึกษาธิการ ด้วย” รองเลขาฯ กพฐ.กล่าว
นายชินวรณ์ กล่าวว่า ตนได้เชิญผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายและแผนของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) มาสอบถามถึงความคืบหน้า ซึ่งขณะนี้ดำเนินการคัดเลือกโรงเรียนที่จะได้รับการพิจารณาให้เป็นโรงเรียนดีประจำตำบล และขอให้มีการปรับเปลี่ยนงบประมาณให้ทันในปี 2553 ขณะเดียวกัน ยังได้ให้นโยบายไปว่า จะต้องประกาศการเปิดโครงการโรงเรียนดีประจำตำบลให้ทันในปีการศึกษาที่จะถึงนี้ด้วย ส่วนจะเปิดได้กี่โรงเรียนนั้นกำลังอยู่ในขั้นตอนของคณะทำงานที่พิจารณาโรงเรียนที่จะเข้าหลักเกณฑ์ทั้งหมดอยู่ ซึ่งตนจะไม่เน้นปริมาณแต่จะทำให้เห็นว่าโรงเรียนดีประจำตำบลอยู่ในปัจจัยและมาตรฐานอะไรบ้าง
นายสมเกียรติ ชอบผล รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินโครงการโรงเรียนดีประจำตำบล ว่า ขณะนี้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ทั้ง 182 แห่ง ได้จัดส่งข้อมูลผลการคัดเลือกโรงเรียนดีประจำตำบลของแต่ละเขตพื้นที่ฯ มายังสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) แล้ว โดยหลังจากนี้คณะทำงานจะคัดเลือกให้เหลือประมาณ 50-80 แห่ง และเสนอต่อ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รมว.ศึกษาธิการ ก่อนที่จะพิจารณาจัดสรรงบประมาณลงไปให้แห่งละ 20-30 ล้าน เพื่อเป็นโรงเรียนนำร่องที่จะเริ่มในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2553 ทั้งนี้เกณฑ์ที่จะพิจารณานั้น ประกอบด้วย 1.การประชาคมกับองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) มีความชัดเจนหรือไม่ และ อบต.จะช่วยสนับสนุนในเรื่องใดบ้าง และ 2.ที่ตั้งของโรงเรียนอยู่ในจุดศูนย์กลางหรือไม่ ครูและผู้บริหารมีความพร้อมเพียงใด สำหรับโรงเรียนที่ยังไม่ได้รับการคัดเลือกในช่วงแรกนี้ จะให้เริ่มดำเนินการได้ในปี 2554
“ในปี 2553 โรงเรียนดีประจำตำบลจะมีสิ่งที่เห็นเป็นรูปธรรม อาทิ การปรับภูมิทัศน์โรงเรียนให้มีความร่มรื่น โดยได้ขอให้วิทยาลัยเกษตรเข้ามาช่วยดำเนินการ การปรับปรุงอาคารที่ชำรุดทรุดโทรมให้มีความใหม่ และจัดสร้างอาคารหลักเพิ่มเติม 1 หลัง เช่น อาคารเรียน หรือ โรงยิม แต่หากโรงเรียนใดมีความพร้อมก็จะให้มีการจัดสร้างสระว่ายน้ำ ส่วนการจัดการเรียนการสอนจะต้องเน้นคุณภาพ และ สพฐ.จะจัดส่งครูที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะลงไปให้แก่โรงเรียนด้วย โดยในอนาคตโรงเรียนจะต้องมีห้องสมุดไอซีที และมีการส่งเสริมเรื่องการเรียนร่วมระหว่างเด็กปกติและเด็กที่บกพร่องทางการเรียนรู้ ตามนโยบายของ รมว.ศึกษาธิการ ด้วย” รองเลขาฯ กพฐ.กล่าว
นายชินวรณ์ กล่าวว่า ตนได้เชิญผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายและแผนของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) มาสอบถามถึงความคืบหน้า ซึ่งขณะนี้ดำเนินการคัดเลือกโรงเรียนที่จะได้รับการพิจารณาให้เป็นโรงเรียนดีประจำตำบล และขอให้มีการปรับเปลี่ยนงบประมาณให้ทันในปี 2553 ขณะเดียวกัน ยังได้ให้นโยบายไปว่า จะต้องประกาศการเปิดโครงการโรงเรียนดีประจำตำบลให้ทันในปีการศึกษาที่จะถึงนี้ด้วย ส่วนจะเปิดได้กี่โรงเรียนนั้นกำลังอยู่ในขั้นตอนของคณะทำงานที่พิจารณาโรงเรียนที่จะเข้าหลักเกณฑ์ทั้งหมดอยู่ ซึ่งตนจะไม่เน้นปริมาณแต่จะทำให้เห็นว่าโรงเรียนดีประจำตำบลอยู่ในปัจจัยและมาตรฐานอะไรบ้าง
