เผยผลสำรวจความต้องการซื้อหนังสือเรียน พบ 30 เปอร์เซ็นต์อยากให้พิมพ์เพิ่มของเดิม ส่วนประชาพิจารณ์ผู้ปกครองหนุนแจกหนังสือฟรีแทนการยืมเรียน
นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยถึงการจัดซื้อหนังสือตามโครงการเรียนฟรี เรียนดี 15 ปี อย่างมีคุณภาพ ประจำปีการศึกษา 2553 ว่า หลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สั่งการให้สถานศึกษาสำรวจความต้องการจัดซื้อหนังสือเรียนตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2544 เพื่อทดแทนหนังสือที่ชำรุด ในระดับชั้นที่ยังไม่ได้ใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2551 นั้น ขณะนี้ สพฐ.ได้จัดส่งจำนวนหนังสือที่สถานศึกษาต้องการไปให้สำนักพิมพ์ต่างๆ แล้ว แต่ยังไม่ทราบคำตอบจากสำนักพิมพ์ว่าจะมีการจัดพิมพ์ให้ตามที่สถานศึกษาต้องการหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ถ้าสำนักพิมพ์ตอบกลับมาว่าไม่พิมพ์เพิ่ม ก็คงไม่สามารถบังคับได้ เพราะเป็นเรื่องของสื่อเสรีแล้ว ส่วนองค์การค้าของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ที่รับผิดชอบในวิชาหลัก ได้แก่ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และภาษาไทยนั้น คงไม่มีปัญหา เพราะยังมีหนังสือตามหลักสูตรเดิมอยู่ในสต๊อก ซึ่งน่าจะเพียงพอต่อความต้องการที่สำรวจแล้วสถานศึกษามีความต้องการรวม 30% แต่หากไม่เพียงพอองค์การค้าฯ ก็ยินดีที่จะพิมพ์เพิ่ม
นายชินภัทร กล่าวต่อไปว่า หากสำนักพิมพ์ใดไม่จัดพิมพ์เพิ่มให้ สพฐ.ได้ให้นโยบายแก่สถานศึกษาไปแล้วว่า สถานศึกษาสามารถเลือกซื้อหนังสือจากสำนักพิมพ์อื่น ซึ่งครูผู้สอนจะต้องประยุกต์วิธีการสอนและยอมรับสภาพของการที่มีหนังสือจากหลายสำนักพิมพ์ในห้องเรียนเดียวกัน เนื่องจากขณะนี้เป็นช่วงรอยต่อของการเปลี่ยนไปใช้หลักสูตรใหม่ สำหรับการประชาพิจารณ์รับฟังความเห็นจากผู้ปกครองกรณีที่รัฐบาลมีนโยบายให้แจกหนังสือเรียนชั้น ม.ปลาย และระดับ ปวช.ฟรี แทนการยืมเรียน นั้น ในส่วนของ สพฐ.ได้ทำประชาพิจารณ์ไปแล้ว โดยได้สอบถามเพิ่มเติมในเรื่องการดำเนินงานโครงการเรียนฟรี 15 ปีที่ผ่านมา เพื่อนำไปปรับปรุงการดำเนินงานในปีการศึกษา 2553 ขณะนี้อยู่ระหว่างประมวลผล คาดว่า จะได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตาม จากการสัมมนาในเวทีสมัชชาขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง ได้มีการพูดคุยเรื่องการแจกหนังสือฟรีแทนการยืม ปรากฏว่า ทุกคนเห็นด้วย เพราะสะดวกในการใช้และเด็กจะสามารถนำหนังสือไปใช้ได้ตามความจำเป็น
