บอร์ด สกสค.มอบ “ธงทอง” จัดทำหลักเกณฑ์สรรหา ผอ.องค์การค้าฯ คนใหม่ ก่อนชงเข้าที่ประชุมสัปดาห์หน้า เผยต้องคัดเลือกแล้วเสร็จก่อนสิ้นเดือน พ.ค.นี้ “ชินภัทร” รับหาตัวแทนยาก ชี้ องค์การค้าฯมีปัญหาเรื้อรัง ไร้คนกล้าเสนอตัว แนะอย่างตั้งสเปกสูงเกิน ยันเคลียร์ปัญหาเบี้ยวหนี้ลุล่วงแล้ว
วันนี้ (17 มี.ค.) นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ในฐานะรักษาการผู้อำนวยการองค์การค้าของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินการกู้เงินตามแผนฟื้นฟูองค์การค้าฯ ปี 2553-2557 จำนวนเงิน 1,500 ล้านบาท ว่า
ขณะนี้ สกสค.กำลังจัดทำรายละเอียดเพื่อเสนอเข้าสู่ที่ประชุมของคณะกรรมการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเหลือเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) ภายในสัปดาห์หน้า และหากผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุม ก็จะจัดทำรายละเอียดส่งธนาคารออมสินต่อไป ซึ่งธนาคารออมสินก็พร้อมที่จะอนุมัติวงเงินตามที่ สกสค.ยื่นกู้แล้ว
ทั้งนี้ หากธนาคารออมสินอนุมัติเงินให้ การฟื้นฟูองค์การค้าฯ ก็จะมีสภาพคล่องมากขึ้น ขณะเดียวกัน บอร์ด สกสค.ได้มอบหมายให้ รศ.ธงทอง จันทรางศุ เลขาธิการสภาการศึกษา (ส.ก.ศ.) จัดทำรายละเอียดหลักเกณฑ์และปฎิทินการสรรหาผู้อำนวยการองค์การค้าฯ คนใหม่ ซึ่งจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมภายในสัปดาห์หน้าด้วย และหากหลักเกณฑ์ดังกล่าวผ่านความเห็นชอบก็สามารถดำเนินการสรรหาผู้อำนวยการองค์การค้าฯ คนใหม่ได้ทันที อย่างไรก็ตามการคัดเลือกจะต้องแล้วเสร็จภายในวันที่ 31 พ.ค.นี้
“คุณสมบัติของผู้อำนวยการค้าฯ คนใหม่คงไม่สามารถตั้งความหวังได้มากเกินไป แต่ก็ต้องเป็นคนมีความรู้ความสามารถด้านหนังสือเรียน อุปกรณ์การเรียน การบริหารงานโรงพิมพ์ และต้องมีความซื่อสัตย์ ที่สำคัญจะต้องมีความมุ่งมั่นที่จะมาแก้ไขปัญหาสภาพคล่อง และปัญหาภายในขององค์การค้าฯ อย่างแท้จริง ซึ่งผมมองว่าก็เป็นเรื่องยาก เพราะองค์การค้าฯ มีปัญหาเรื้อรังมานาน ดังนั้นการตั้งความหวัง หรือคุณสมบัติสูงมากเกินไปก็คงไม่มีใครที่อยากจะเข้ามาดำรงตำแหน่งดังกล่าว” รักษาการ ผอ.องค์การค้าฯ กล่าว
นายชินภัทร กล่าวอีกว่า ส่วนปัญหาการชำระหนี้ขององค์การค้าฯ กับบริษัทต่างๆนั้น ขณะนี้ไม่มีปัญหาแล้ว ใครที่เป็นเจ้าหนี้และได้เจรจากับองค์การค้าฯ แล้ว ก็จะดำเนินการตามที่สัญญากันไว้ โดยมอบหมายให้ฝ่ายบัญชีและการเงินขององค์การค้าฯ ดำเนินการชำระหนี้ตามระยะเวลาที่ตกลงกันไว้ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากรณีการอายัดทรัพย์เกิดขึ้นอีก
