กทม.เล็งให้บมจ.กรุงไทยเป็นที่ปรึกษาการออกพันธบัตรกทม.มูลค่า 2 หมื่นล้านบาท “ธีระชน” เผยเหตุเลือกกรุงไทยเพราะ เป็นหน่วยงานรัฐต่อรัฐเจรจากันง่าย
นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) เปิดเผยความคืบหน้าการออกพันธบัตรกทม.มูลค่า 20,000 ล้านบาทซึ่งมีกำหนดจำหน่ายครั้งแรกในวันที่ 20 กรกฎาคม- 5 พฤศจิกายน พ.ศ.2553 ว่า ขณะนี้มีความเป็นไปได้สูงที่จะให้บมจ.ธนาคารกรุงไทย เป็นที่ปรึกษาในการออกพันธบัตรกทม.เนื่องจากมีประสบการณ์ อีกทั้งหากเป็นการดำเนินการว้าจ้างในลักษณะรัฐต่อรัฐก็จะมีความสะดวกมากขึ้น รวมทั้งจะเปิดโอกาสให้สถาบันการเงินของรัฐแห่งอื่นเข้าร่วมในการดำเนินการได้ด้วยซึ่งทางบมจ.กรุงไทย จะเป็นผู้นำ
โดยสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีการหารือเบื้องต้นกับผู้บริหารบมจ.กรุงไทยแล้ว ส่วนบมจ.จะคิดค่าดำเนินการเท่าไรนั้นจะต้องเป็นราคาที่มิตรภาพมากเพราะการดำเนินการออกพันธบัตรให้กับหน่วยงานท้องถิ่นอย่างกทม.ถือเป็นกรณีแรกที่ยังไม่มีองค์กรปกครองท้องถิ่นไหนทำมาก่อน
ดังนั้นหากประสบผลสำเร็จบมจ.กรุงไทยก็สามารถนำประสบการณ์ในส่วนนี้ไปนำเสนอกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นๆ โดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยวได้ เช่น ที่เชียงใหม่ ภูเก็ต และ สมุยซึ่งมีแนวโน้มที่จะออกพันธบัตรเพื่อนำมาพัฒนาศักยภาพในแต่ละเมือง
นายธีระชน กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ กทม.ยังมีผู้เชี่ยวชาญจากสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.)มาช่วยดูแลรายละเอียดต่างๆของโครงการอีกด้วย ส่วนรายละเอียดอื่นๆทั้งการขอความเห็นชอบและอนุมัติโครงการออกพันธบัตร การยกร่างข้อบัญญัติและระเบียบที่เกี่ยวข้อง และขั้นตอนอื่นๆ อยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียดโครงการเพื่อประกอบการเสนอ ครม.ขอออกพันธบัตร และให้สำนักงบประมาณ กทม.จัดสรรงบประมาณจัดจ้างที่ปรึกษาตามโครงการออกพันธบัตร รวมทั้งปิดงบการเงินให้ทันภายในกำหนดโดยงบการเงินปี 2551 ตั้งเป้าให้เสร็จ 29 มีนาคม 2553 และปี 2552 ตั้งเป้าเสร็จ 30 เมษายน 2553
สำหรับโครงการที่เสนอขอออกพันธบัตร กทม. ประกอบด้วย โครงการระบบขนส่งมวลชนขนาดรอง Monorail สายที่ 1 (ศาลาว่าการ กทม.2 – ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ – ถนนหลานหลวง งบประมาณ 10,900 ล้านบาท โครงการระบบขนส่งมวลชน กทม.ส่วนต่อขยายสายสีลม (ตากสิน-เพชรเกษม) ระยะทาง 5.3 ก.ม. งบประมาณ 8,760 ล้านบาท โครงการระบบเตาเผามูลฝอยขนาด 300 ตัน ที่ศูนย์กำจัดมูลฝอยอ่อนนุช งบประมาณ 2,220 ล้านบาท รวมทุกโครงการ 21,880 ล้านบาท
