“หมอหทัย” ยกคดีปาอึบ้านนายกฯ จี้ตำรวจอย่าเมินคดีด้านสังคม ไม่สนสิงห์อมควันคุกคามคนอื่น แนะงัดพรบ.การสาธารณสุขเล่นงานเพื่อนบ้านพ่นควันบุหรี่ เผยกฎหมายนี้มีใช้ตั้งแต่ปี 35 แต่ไม่ยอมหยิบใช้ปกป้องสิทธิประชาชน
นพ.หทัย ชิตานนท์ ประธานสถาบันส่งเสริมสุขภาพไทย กล่าวถึงกรณีที่นายวิวิทวิน เตียวสวัสดิ์ พ่อค้าของเก่าและวัตถุโบราณ ปาอุจจาระใส่บ้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จนถูกศาลพิพากษาให้จำคุก 5 วัน โดยนายวิวิทวินระบุสาเหตุที่ปาอุจจาระเพราะไม่พอใจที่ตำรวจและผู้ว่ากทม.ไม่ดำเนินคดีกับเพื่อนบ้านที่มั่วสุมสูบบุหรี่และควันลอยเข้าในบ้านจนทำลูกสาวซึ่งแพ้ควันบุหรี่ต้องสูดดมควันทั้งที่ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้และโรคหัวใจ ว่า
กรณีนี้เป็นเพราะว่านายวิวิทวิน ไม่ทราบว่าจะต้องทำอย่างไรกับเพื่อนบ้าน และคิดว่าคงมีความอัดอั้นตันใจอย่างมาก จึงได้แสดงออกด้วยการนำอุจจาระไปปาใส่บ้านนายกรัฐมนตรีจนทำให้นายกรัฐมนตรีเดือดร้อนไปด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
นพ.หทัย กล่าวว่า หากมีใครตกอยู่ในสถานการณ์ดังกล่าวควรหาทางออกด้วยวิธีที่รอบคอบมีเหตุมีผล ไม่ทำให้ผู้อื่นเดือนร้อน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจควรนำข้อร้องเรียนของประชาชนไปปรึกษากับนิติกรของกระทรวงสาธารณะสุขว่ามีกฎหมายฉบับใดที่จะให้ความเป็นธรรมกับชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากควันบุหรี่ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพได้บ้าง
ทั้งนี้ทราบว่ากระทรวงสาธารณสุข มีพระราชบัญญัติการสาธารณสุขพ.ศ. 2535 มาตรา25 ที่ระบุว่า กรณีก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้อยู่อาศัยในบริเวณใกล้เคียงหรือผู้ที่ต้องประสบกับเหตุไม่ว่าเป็นเสียง เป็นกลิ่น เป็นควัน ให้ถือว่าเป็นเหตุรำคาญ ถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเพราะกฎหมายดังกล่าวมีมานานเล้ว แต่กลับไม่มีการนำมาใช้เพื่อปกป้องสิทธิของประชาชน
“เจ้าหน้าที่ตำรวจอาจมีทัศนคติว่า คดีประเภทนี้เป็นเพียงคดีเล็กน้อย แต่ตำรวจบางส่วนอาจนิ่งเฉยและมองข้ามในการดำเนินดคี ทั้งที่เป็นคดีอาญา มีโทษทั้งจำทั้งปรับ เป็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสังคม กระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยมีเหตุผลว่า มีงานสำคัญที่ต้องทำ เช่น จับโจรผู้ร้าย คดีอาชญากรรม
ดังนั้นหากจะขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่ตำรวจมาดำเนินคดีผู้สูบบุหรี่ในที่ห้ามสูบจึงเป็นเรื่องที่ทำได้ลำบาก อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขควรใช้โอกาสนี้ประชาสัมพันธ์กฎหมายฉบับดังกล่าวให้ประชาชนและตำรวจได้รับทราบ เพราะเป็นกฎหมายที่ถูกมองห้ามไม่มีการหยิบขึ้นมาใช้” นพ.หทัย กล่าว
