ศูนย์ข่าวนครราชสีมา-ผอ.สำนักศิลปากรที่ 12 โคราช สั่งพิพิธภัณฑ์อีสานใต้ทุกแห่งเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มงวดและแก้ไขแสงสว่างให้เพียงพอทุกจุด ผวาซ้ำรอยเหตุโจรกรรมวัตถุโบราณพิพิธภัณฑ์ฯขอนแก่น เผยเตรียมเสนอขอเปลี่ยนกล้องวงจรปิดเป็นอินฟราเรดทั้งหมดเพื่อจับภาพมืดได้ ชี้วัตถุโบราณส่วนใหญ่ถูกเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์เป็นชิ้นใหญ่ยากต่อการโจรกรรมแต่ไม่ประมาทสั่ง ขณะพิพิธภัณฑ์ฯพิมาย แหล่งเก็บวัตถุโบราณแห่งใหญ่ของอีสานคุมเพิ่มเข้มทุกจุดและจัดเวรยามดูแลตลอด 24 ชม.
วันนี้ (12 ธ.ค.) นายศักดิ์ชัย พจน์นันท์วาณิชย์ ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 12 นครราชสีมา เปิดเผย ถึงกรณีเหตุการณ์คนร้ายเข้าไปโจรกรรมวัตถุโบราณล้ำค่าของชาติในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติขอนแก่น จ.ขอนแก่น ว่า สำนักงานศิลปากรที่ 12 นครราชสีมา รับผิดชอบดูแลพิพิธภัณฑ์และวัตถุโบราณในพื้นที่ 4 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบด้วย นครราชสีมา , ชัยภูมิ , สุรินทร์ และ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งมีพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติรวม 3 แห่ง คือ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พิมาย ตั้งอยู่ในตัว อ.พิมาย จ.นครราชสีมา,พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติมหาวีรวงศ์ ตั้งอยู่ติดกับวัดสุทธจินดา เขตเทศบาลนครนครราชสีมา และ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสุรินทร์ จ.สุรินทร์
ทั้งนี้พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติทั้ง 3 แห่ง เป็นสถานที่เก็บรวบรวมวัตถุโบราณ, ชิ้นส่วนประติมากรรม อันทรงคุณค่าของภาคอีสาน อายุราว 1,000 - 800 ปี โดยเฉพาะที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพิมาย เป็นศูนย์รวมหินแกะสลัก ศิลปะขอมโบราณใหญ่ที่สุด
ดังนั้นสำหรับมาตรการในการรักษาความปลอดภัย ได้สั่งการให้พิพิธภัณฑ์ทุกแห่งเพิ่มมาตรการในการตรวจตราอย่างเข้มงวด โดยหลังปิดพิพิธภัณฑ์เวลา 16.00 น.ทุกวัน ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจดูทุกพื้นที่จนแน่ใจว่าไม่มีใครเหลืออยู่ในพิพิธภัณฑ์แล้วจึงล็อกกุญแจด้านนอกให้แน่นหนา พร้อมจัดเวรยามรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง โดยเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์ที่เป็นข้าราชการจะต้องมานอนเข้าเวรยามร่วมกับ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่จัดไว้อยู่แล้วอย่างเข้มงวด ห้ามหนีเวรอย่างเด็ดขาด
นายศักดิ์ชัย กล่าวอีกว่า พื้นที่ใดหรือจุดใดทั้งภายในและโดยรอบพิพิธภัณฑ์ที่มีความสว่างไม่เพียงพอ ก็ให้เร่งดำเนินการติดตั้งไฟให้แสงสว่างทุกจุด สำหรับกล้องวงจรปิดนั้นจะทำเรื่องเสนอขอไปยังกรมศิลปากร เนื่องจากกล้องวงจรปิดที่มีอยู่ไม่ใช่กล้องอินฟราเรดมองเห็นเฉพาะกลางวันเท่านั้น เช่น ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพิมาย และ สุรินทร์ ขณะกำลังอยู่ระหว่างการทำเรื่องขอเปลี่ยนกล้องเป็นอินฟราเรดทั้งหมดเพื่อให้สามารถจับภาพมืดและเวลากลางคืนได้ด้วย ส่วนพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติมหาวีรวงศ์ ยังไม่มีได้การติดตั้งกล้องวงจรปิด และพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดอยู่แล้ว เพราะมีประตูเข้าออกเพียงทางเดียว และบ้านพักเจ้าหน้าที่ก็อยู่ติดกับพิพิธภัณฑ์ จึงไม่น่าเป็นห่วงมากนัก
“วัตถุโบราณภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติในพื้นที่รับผิดชอบของสำนักศิลปากรที่ 12 นครราชสีมา ส่วนมากเป็นโบราณวัตถุชิ้นขนาดใหญ่ เช่น แผ่นหินแกะสลัก, ทับหลัง ซึ่งยากต่อการโจรกรรมของคนร้าย ส่วนชิ้นเล็กก็มีบ้างซึ่งทั้งหมดถูกจัดเก็บไว้ในส่วนแสดงเป็นอย่างดี ฉะนั้นจึงไม่น่าเป็นห่วงมากนักแต่เราก็ไม่ประมาทได้เพิ่มมาตรการการดูแลความปลอดภัยไว้อย่างแน่นหนาแล้ว” นายศักดิ์ชาย กล่าว
ด้านนางสริยา ทรรทรานนท์ ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพิมาย กล่าวว่า หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ทางพิพิธภัณฑ์ฯ ได้เพิ่มมาตรการในการดูแลความปลอดภัยเข้มงวดมากขึ้น ทั้งการจัดเวรยามเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งปัจจุบันมียามรักษาการอยู่ทั้งหมด 4 คน รวมเจ้าหน้าที่อีก 28 คน ทุกคนช่วยกันเฝ้าระวังดูแลอย่างเต็มที่ และอาคารจัดแสดงทุกห้องและบริเวณโดยรอบ มีกล้องวงจรปิดติดตั้งอยู่ตามจุดต่างๆ สามารถมองเห็นผู้ที่เข้ามาภายในพิพิธภัณฑ์ได้อย่างชัดเจน
“พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพิมาย เป็นสถานที่เก็บรวบรวมและจัดแสดงโบราณวัตถุอันล้ำค่าของชาติ ในพื้นที่ภาคอีสานรวมกว่า 5,000 ชิ้น ปัจจุบันจัดแสดงได้เพียง 3,000 ชิ้น ส่วนที่เหลือจัดเก็บอยู่ในคลังของพิพิธภัณฑ์ฯ เนื่องจากอาคารจัดแสดงไม่เพียงพอ และยังเป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดใหญ่ระดับภาค ที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเดินทางมาเข้าชมเฉลี่ยปีละกว่า 50,000 คน” นางสริยา กล่าว