กลายเป็นปัญหาลุกลามบานปลายเมื่อคนในพื้นที่จังหวัดราชบุรีต่างรวมพลังออกมาคัดค้านการย้ายนกพิราบเข้าพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ตามนโยบายการปรับปรุงภูมิทัศน์ สภาพแวดล้อมและปัญหาทางสังคมในพื้นที่สนามหลวง และปริมณฑล หลังจากที่ได้ดำเนินการผิดสนามหลวงมาตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยระยะแรกเป็นการดำเนินมาตรการห้ามนำรถรับ-ส่งนักท่องเที่ยว และรถยนต์เข้ามาจอดในพื้นที่สนามหลวงโดยเด็ดขาด ซึ่งได้จัดจุดจอดรถรอรับนักท่องเที่ยวไว้ที่สถานีขนส่งสายใต้เก่า บริเวณใต้สะพานพระราม 8 และถนนพุทธมณฑลสาย 2-3 แต่ปัญหาที่ทำท่าว่าจะง่ายอย่างการย้ายนกพิราบกลับไม่ใช่เรื่องหมูอย่างที่คิด เพราะเมื่อถึงวันปฏิบัติเริ่มนำกรงดักจับนกพิราบเข้าพื้นที่สนามหลวงฝั่งทิศใต้ด้านพระบรมราชวัง มีเจ้าหน้าที่มาให้อาหารสร้างความคุ้นเคยกับนกพิราบกว่าหมื่นตัวก็ต้องประสบกับปัญหากับผู้ที่เสียผลประโยชน์อย่างแม่ค้าขายอาหารนกที่ข่มขวัญด้วยการนำประทัดมาจุดไล่ ขณะที่พื้นที่จุดหมายปลายทางของนกพิราบกลับถูกคัดค้านอย่างหนักจากที่ไม่เคยมีเค้ามาก่อน
ธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯ กทม. ในฐานะคณะกรรมการปรับปรุงภูมิทัศน์ฯ กล่าวว่า เราจะย้ายนกพิราบไปเลี้ยงต่อในพื้นที่ปิดหลังจากที่เราได้ฆ่าไร ฆ่าพยาธิ และตรวจหาเชื้อไข้หวัดนกจากนกพิราบเหล่านี้เสร็จสิ้นแล้วจึงย้ายไปเลี้ยงต่อยังบริเวณกรมหารทหารสื่อสาร จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ปิดของทหารไม่ใช่เอาไปปล่อยตามธรรมชาติที่จะไปสร้างความเสียหายให้กับเรือกสวนไร่นาของชาวราชบุรีอย่างที่เข้าใจกัน กทม.ไม่ได้มีเจตนาอย่างนั้น รวมทั้งไม่ได้นำเชื้อโรคไปปล่อยเพราะมีการฆ่าพยาธิถึง 2 ครั้ง ฆ่าครั้งแรกมันจะยังเหลือไข่ ดังนั้นจึงต้องฆ่าครั้งที่ 2 จึงจะหมดจากนั้นก็ตรวจหาเชื้อไข้หวัดนก ซึ่งหากตรวจเจอทางกรมปศุสัตว์ก็จะดำเนินการทำลายทันที ฉะนั้นจึงไม่มีการนำเชื่อโรคไปแพร่ที่ จ.ราชบุรี แน่นอน
“ผมในฐานะที่เลี้ยงนกมาเป็นสิบๆ ปี ทำไมจะไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง และคนที่เข้ามาช่วย กทม.ดำเนินการเรื่องนี้ทั้งจากสมาคมเลี้ยงนกต่างๆ ต่างก็เป็นผู้ที่มีประสบการณ์จึงไม่ต้องเกรงว่าจะเป็นการทำร้ายนก แยกแม่ออกจากลูกเพราะคนที่เลี้ยงนกเขาจะรู้ว่านกตัวเมียตัวไหนกำลังฟักไข่ ตัวไหนกำลังเลี้ยงลูกเพราะวัฏจักรของนกเหล่านี้เพียง 3 สัปดาห์ก็จะบินได้แล้ว” รองผู้ว่าฯ ธีระชน กล่าว
ประธานกรรมการปรับปรุงภูมิทัศน์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม เมื่อมีเสียงคัดค้านมากขนาดนี้ กทม.ได้ตัดสินใจที่จะไม่นำนกพิราบไปอนุบาลต่อที่ จ.ราชบุรีแล้ว เรายังมีอีกหลายตัวเลือกให้ตัดสินใจเพราะทางคุณนายเนติ ตันติมนตรี นายกสมาคมมิตรภาพกีฬาแข่งนกแห่งประเทศไทย ได้เสนอที่จะให้ใช้พื้นที่ส่วนตัวของคุณเนติเองไม่ว่าจะเป็นพื้นที่อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ หรือ อ.กบินทร์ จ.ปราจีนบุรี หรือแม้แต่พื้นที่ปิดของทหารอีกหลายพื้นที่ยังเปิดกว้างให้กทม.นำฝูงนกพิราบเหล่านี้ไปพึ่งพิงได้อย่างไม่มีปัญหาโดยจะแยกตัวผู้และตัวเมียออกจากกันเพื่อไม่ให้มีการผสมพันธุ์กันต่อได้แต่จะให้นำไปปล่อยตามธรรมชาติตามที่ NGO ต้องการคงไม่ได้อย่างแน่นอน ส่วนท้ายที่สุดจะเคลื่อนย้ายนกพิราบไปไว้ที่ไหนนั้นก็ต้องแล้วแต่คณะกรรมการคณะทำงานด้านการเคลื่อนย้ายนกพิราบและคุณเนติ จะเป็นผู้ตัดสินใจ
ธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯ กทม. ในฐานะคณะกรรมการปรับปรุงภูมิทัศน์ฯ กล่าวว่า เราจะย้ายนกพิราบไปเลี้ยงต่อในพื้นที่ปิดหลังจากที่เราได้ฆ่าไร ฆ่าพยาธิ และตรวจหาเชื้อไข้หวัดนกจากนกพิราบเหล่านี้เสร็จสิ้นแล้วจึงย้ายไปเลี้ยงต่อยังบริเวณกรมหารทหารสื่อสาร จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ปิดของทหารไม่ใช่เอาไปปล่อยตามธรรมชาติที่จะไปสร้างความเสียหายให้กับเรือกสวนไร่นาของชาวราชบุรีอย่างที่เข้าใจกัน กทม.ไม่ได้มีเจตนาอย่างนั้น รวมทั้งไม่ได้นำเชื้อโรคไปปล่อยเพราะมีการฆ่าพยาธิถึง 2 ครั้ง ฆ่าครั้งแรกมันจะยังเหลือไข่ ดังนั้นจึงต้องฆ่าครั้งที่ 2 จึงจะหมดจากนั้นก็ตรวจหาเชื้อไข้หวัดนก ซึ่งหากตรวจเจอทางกรมปศุสัตว์ก็จะดำเนินการทำลายทันที ฉะนั้นจึงไม่มีการนำเชื่อโรคไปแพร่ที่ จ.ราชบุรี แน่นอน
“ผมในฐานะที่เลี้ยงนกมาเป็นสิบๆ ปี ทำไมจะไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง และคนที่เข้ามาช่วย กทม.ดำเนินการเรื่องนี้ทั้งจากสมาคมเลี้ยงนกต่างๆ ต่างก็เป็นผู้ที่มีประสบการณ์จึงไม่ต้องเกรงว่าจะเป็นการทำร้ายนก แยกแม่ออกจากลูกเพราะคนที่เลี้ยงนกเขาจะรู้ว่านกตัวเมียตัวไหนกำลังฟักไข่ ตัวไหนกำลังเลี้ยงลูกเพราะวัฏจักรของนกเหล่านี้เพียง 3 สัปดาห์ก็จะบินได้แล้ว” รองผู้ว่าฯ ธีระชน กล่าว
ประธานกรรมการปรับปรุงภูมิทัศน์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม เมื่อมีเสียงคัดค้านมากขนาดนี้ กทม.ได้ตัดสินใจที่จะไม่นำนกพิราบไปอนุบาลต่อที่ จ.ราชบุรีแล้ว เรายังมีอีกหลายตัวเลือกให้ตัดสินใจเพราะทางคุณนายเนติ ตันติมนตรี นายกสมาคมมิตรภาพกีฬาแข่งนกแห่งประเทศไทย ได้เสนอที่จะให้ใช้พื้นที่ส่วนตัวของคุณเนติเองไม่ว่าจะเป็นพื้นที่อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ หรือ อ.กบินทร์ จ.ปราจีนบุรี หรือแม้แต่พื้นที่ปิดของทหารอีกหลายพื้นที่ยังเปิดกว้างให้กทม.นำฝูงนกพิราบเหล่านี้ไปพึ่งพิงได้อย่างไม่มีปัญหาโดยจะแยกตัวผู้และตัวเมียออกจากกันเพื่อไม่ให้มีการผสมพันธุ์กันต่อได้แต่จะให้นำไปปล่อยตามธรรมชาติตามที่ NGO ต้องการคงไม่ได้อย่างแน่นอน ส่วนท้ายที่สุดจะเคลื่อนย้ายนกพิราบไปไว้ที่ไหนนั้นก็ต้องแล้วแต่คณะกรรมการคณะทำงานด้านการเคลื่อนย้ายนกพิราบและคุณเนติ จะเป็นผู้ตัดสินใจ
