สรุปยอด 3 เดือน เปิดสายด่วนวัฒนธรรม 1765 ประชาชนโทร.ร้องเรียนยอดกว่า 1,468 เรื่อง หัวข้อสุดฮิตร้านเกม-โอเกะเปิดเกินเวลา-เสียงดังรบกวน แถมรายงานพฤติกรรมไม่เหมาะสมพระมาด้วย รมว.วธ.เตรียมวิเคราะห์ผลส่งไอซีที-พศ.ดูแลแก้ไขปัญหาแล้ว
วันนี้ (26 ม.ค.) นายธีระ สลักเพชร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวถึงการดำเนินงานของสายด่วนวัฒนธรรม1765 ว่า จากที่วธ.ได้เปิดให้บริการข้อมูลข่าวสาร ความรู้ด้านศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรมของชาติ ตลอดจนเผยแพร่กิจกรรม/โครงการทางวัฒนธรรม ของหน่วยงานใน วธ.รวมถึงการรับข้อเสนอแนะ ความคิดเห็นและข้อร้องเรียนต่างๆ ของสื่อที่ไม่เหมาะสม ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม - 31 ธันวาคม 2552 ที่ผ่านมา ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ โดยประชาชนติดต่อผ่านสายด่วนวัฒนธรรม รวม 1,468 เรื่อง แบ่งเป็นสอบถามข้อมูล 1,132 เรื่อง ร้องเรียน ร้องทุกข์ 214 เรื่อง เสนอข้อคิดเห็น 117 เรื่อง ชมเชย 5 เรื่อง
รมว.วัฒนธรรม กล่าวอีกว่า เรื่องที่ประชาชนสอบถามเข้ามามากที่สุด คือ ขอข้อมูลติดต่อหน่วยงานภายใน วธ. เช่น หมายเลขโทรศัพท์ รายชื่อผู้บริหาร รองลงมาเป็นภารกิจของกระทรวงและหน่วยงานในสังกัด เช่น ภารกิจของรัฐมนตรี ตารางกิจกรรม ข้อมูลวันสำคัญ และการขอใบอนุญาตประกอบกิจการร้านเกม/อินเทอร์เน็ต และคาราโอเกะ สำหรับเรื่องร้องเรียนและร้องทุกข์ จะเป็นเกี่ยวกับร้านเกม/อินเทอร์เน็ต และร้านสื่อภาพยนตร์/วีดิทัศน์ เปิดเกินเวลา ส่งเสียงดังรบกวน และเป็นแหล่งมั่วสุมของวัยรุ่น หนังสือที่มีภาพอนาจารและไม่เหมาะสม การใช้วาจาไม่สุภาพในร้านคาราโอเกะ ส่วนเรื่องที่ประชาชนเสนอข้อคิดเห็น เช่น ความเหมาะสมของสื่อโทรทัศน์ สื่อวิทยุที่เผยแพร่ การแต่งกายและพฤติกรรมของพระที่ไม่เหมาะสม แนวทางในการอนุรักษ์วัฒนธรรม เป็นต้น
“วธ.จะนำข้อร้องเรียนทั้งหมดมาวิเคราะห์ว่าเกี่ยวข้องกับหน่วยงานภายใน หรือภายนอก เช่นร้านเกม/อินเทอร์เน็ต สื่อภาพยนตร์/ วีดิทัศน์จะส่งเรื่องไปยังสำนักภาพยนตร์และวีดิทัศน์ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของพระจะส่งเรื่องไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เว็บไซต์และอินเทอร์เน็ตที่ไม่เหมาะสม จะส่งเรื่องไปยังกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เป็นต้น” นายธีระกล่าว และว่า อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่างานบางอย่างต้องประสานไปหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำให้ทำงานล่าช้า ดังนั้น จึงวางแนวทางพัฒนาประสิทธิภาพสายด่วนวัฒนธรรม 1765 ให้ดียิ่งขึ้น โดยจะสำรวจความพึงพอใจของประชาชนเพื่อปรับปรุงการบริการ และเร่งประชาสัมพันธ์ให้มากขึ้น รวมถึงจะจัดทีมงานเฉพาะกิจที่ออกปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้อย่างรวดเร็ว ทันเหตุการณ์อีกด้วย
วันนี้ (26 ม.ค.) นายธีระ สลักเพชร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวถึงการดำเนินงานของสายด่วนวัฒนธรรม1765 ว่า จากที่วธ.ได้เปิดให้บริการข้อมูลข่าวสาร ความรู้ด้านศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรมของชาติ ตลอดจนเผยแพร่กิจกรรม/โครงการทางวัฒนธรรม ของหน่วยงานใน วธ.รวมถึงการรับข้อเสนอแนะ ความคิดเห็นและข้อร้องเรียนต่างๆ ของสื่อที่ไม่เหมาะสม ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม - 31 ธันวาคม 2552 ที่ผ่านมา ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ โดยประชาชนติดต่อผ่านสายด่วนวัฒนธรรม รวม 1,468 เรื่อง แบ่งเป็นสอบถามข้อมูล 1,132 เรื่อง ร้องเรียน ร้องทุกข์ 214 เรื่อง เสนอข้อคิดเห็น 117 เรื่อง ชมเชย 5 เรื่อง
รมว.วัฒนธรรม กล่าวอีกว่า เรื่องที่ประชาชนสอบถามเข้ามามากที่สุด คือ ขอข้อมูลติดต่อหน่วยงานภายใน วธ. เช่น หมายเลขโทรศัพท์ รายชื่อผู้บริหาร รองลงมาเป็นภารกิจของกระทรวงและหน่วยงานในสังกัด เช่น ภารกิจของรัฐมนตรี ตารางกิจกรรม ข้อมูลวันสำคัญ และการขอใบอนุญาตประกอบกิจการร้านเกม/อินเทอร์เน็ต และคาราโอเกะ สำหรับเรื่องร้องเรียนและร้องทุกข์ จะเป็นเกี่ยวกับร้านเกม/อินเทอร์เน็ต และร้านสื่อภาพยนตร์/วีดิทัศน์ เปิดเกินเวลา ส่งเสียงดังรบกวน และเป็นแหล่งมั่วสุมของวัยรุ่น หนังสือที่มีภาพอนาจารและไม่เหมาะสม การใช้วาจาไม่สุภาพในร้านคาราโอเกะ ส่วนเรื่องที่ประชาชนเสนอข้อคิดเห็น เช่น ความเหมาะสมของสื่อโทรทัศน์ สื่อวิทยุที่เผยแพร่ การแต่งกายและพฤติกรรมของพระที่ไม่เหมาะสม แนวทางในการอนุรักษ์วัฒนธรรม เป็นต้น
“วธ.จะนำข้อร้องเรียนทั้งหมดมาวิเคราะห์ว่าเกี่ยวข้องกับหน่วยงานภายใน หรือภายนอก เช่นร้านเกม/อินเทอร์เน็ต สื่อภาพยนตร์/ วีดิทัศน์จะส่งเรื่องไปยังสำนักภาพยนตร์และวีดิทัศน์ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของพระจะส่งเรื่องไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เว็บไซต์และอินเทอร์เน็ตที่ไม่เหมาะสม จะส่งเรื่องไปยังกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เป็นต้น” นายธีระกล่าว และว่า อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่างานบางอย่างต้องประสานไปหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำให้ทำงานล่าช้า ดังนั้น จึงวางแนวทางพัฒนาประสิทธิภาพสายด่วนวัฒนธรรม 1765 ให้ดียิ่งขึ้น โดยจะสำรวจความพึงพอใจของประชาชนเพื่อปรับปรุงการบริการ และเร่งประชาสัมพันธ์ให้มากขึ้น รวมถึงจะจัดทีมงานเฉพาะกิจที่ออกปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้อย่างรวดเร็ว ทันเหตุการณ์อีกด้วย
