xs
xsm
sm
md
lg

“โรคบวมน้ำเหลือง” กับวิกฤตขาดแพทย์!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นพ.วิชัย เอกทักษิณ ขณะกำลังตรวจอาการผู้ป่วย
“ยินดีให้สัมภาษณ์ครับ แต่ผมมีคิวว่างตอนตีสองเลยครับ คุณสะดวกไหม”
 
 
เสียงตอบรับการติดต่อขอสัมภาษณ์จากนพ.วิชัย เอกทักษิณ เจ้าของไอเดียการใช้ “ขันชะเนาะ” รักษาโรคบวมน้ำเหลืองกล่าวผ่านสายโทรศัพท์ ทำให้ค่อนข้างฉงนกับเวลานัดสัมภาษณ์ในครั้งนี้มากพอสมควร...
“แต่คุณจะเข้ามาดูบรรยากาศตอนบ่ายๆ ก็ได้ครับ”
 
และจากการเชื้อเชิญของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านตับที่ผันตัวเองมาคิดวิธีการรักษาผู้ป่วยบวมน้ำเหลืองด้วยวิธีขันชะเนาะเป็นรายแรกของโลกรายนี้ทำให้เข้าใจได้ในบัดดลว่าทำไมคิวการให้สัมภาษณ์ของเขาจึงดึกขนาดนั้น
วิธีการขันชะเนาะไล่น้ำเหลือง
ณ อาศรมบำบัด โครงการรักษาโรคบวมน้ำเหลือง ที่อยู่บนชั้น 4 ของอาคารโรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน คณะเวชศาสตร์เขตร้อน ม.มหิดล ที่คลาคล่ำไปด้วยผู้ป่วยโรคบวมน้ำเหลือง แทบทุกเตียง ทุกเก้าอี้ และทุกฟูกไม่มีที่ว่าง แพทย์เพียงคนเดียววิ่งวุ่นดูอาการ แนะนำ รักษาจนมีเวลาพักกินข้าวหรือแม้กระทั่งนอนหลับเพียงน้อยนิดหากเทียบกับชั่วโมงการทำงานในแต่ละวัน

นพ.วิชัย อธิบายเกี่ยวกับโรคบวมน้ำเหลืองให้ฟังอย่างคร่าวๆ ว่าโรคนี้เกิดจากการถ่ายเทและดูดซับน้ำเหลืองที่ผิดปกติ ทำให้น้ำเหลืองไปค้างอยู่ในน้ำเยื่อจนเกิดการเจิ่งนอง โดยจะปรากฎร่วมกันการขยายตัวและการแพร่พันธุ์ของหลอดน้ำเหลืองอย่างดาษดื่น พบบ่อยที่แขน ขา ใบหน้า หน้าท้อง เต้านม สะโพก ถุงอัณฑะ แคมอวัยวะเพศ
จนท.ในอาศรมฯ ขณะช่วยผู้ป่วยพันผ้าด้วยวิธีภูษาบำบัดเพื่อไล่น้ำเหลือง
ส่วนอาการป่วยมีอาการบวมที่จุดดังกล่าว มากน้อยต่างกันไปแล้วแต่อาการ แต่เท่าที่เคยพบ บางคนบวมถึงขนาดที่ขาที่บวมหนักถึง 90 กิโลกรัมและมีขนาดเท่ากับโอ่งมังกรใบย่อมๆ เลยทีเดียว แต่โรคนี้ก็มีหลายระดับ หากเป็นระดับผิวๆ ที่น้ำเหลืองมาคั่งที่ผิวด้านนอกจะบวมมากแต่ไม่รู้สึกเจ็บ หากแต่ถ้าเป็นบวมน้ำเหลืองระนาบลึกจะบวมน้อยแต่มีอาการปวดมาก โรคนี้มีวิธีการตรวจที่แน่นอนด้วยการทำเอ็มอาร์ไอเพื่อดูเนื้อเยื่อภายในร่างกาย ส่วนสิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดของโรคนี้ก็คือ มีคนจำนวนมากเชื่อว่าโรคนี้รักษาไม่หาย รักษาไม่ได้ และเป็นโรคเวรโรคกรรม ทำให้คนไข้หมดกำลังใจและท้อจนไม่ขวนขวายรักษา

“ผมคาดว่าน่าจะมีคนไทยป่วยด้วยโรคนี้ประมาณ 2-3แสนคน โรคนี้ไม่ใช่โรคใหม่ อาการมันคล้ายกับโรคเท้าช้างซึ่งเป็นโรคเก่าแก่โรคหนึ่งของโลกเลยทีเดียว ปัจจัยที่ก่อให้เกิดก็แบบเดียวกัน ต่างกันที่ต้นเหตุ โรคเท้าช้างเกิดจากยุงที่มีพยาธิฟิลาเรีย พยาธิเข้าไปอุดท่อน้ำเหลือง ทำให้ผ่านไม่สะดวก ทำให้น้ำเหลืองคั่งในเนื้อเยื่อ แต่สำหรับโรคบวมน้ำเหลืองเกิดได้จากหลายสาเหตุ ตั้งแต่การเป็นตั้งแต่แรกเกิด ผมเคยมีคนไข้อายุน้อยที่สุดคือ 2 เดือน อันนี้ก็เป็นแต่แรกเกิด”
อุปกรณ์การรักษาจำพวกผ้ารัดส่วนต่างๆ ที่บวม
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคบวมน้ำเหลืองรายนี้บอกถึงปัจจัยอื่นๆ ต่อไปว่า โรคดังกล่าวนี้เกิดขึ้นได้จากการผ่าตัดมะเร็งเต้านมและมะเร็งปากมดลูกที่ต้องตัดต่อมน้ำเหลืองออกและบางครั้งต้องฉายรังสีเพื่อรักษา ทำให้เกิดพังผืดกั้นท่อน้ำเหลือง คิดเป็น 10-25% ของผู้ได้รับการรักษาด้วยวิธีดังกล่าวทั้งหมด รวมไปถึงการอักเสบที่อาจเกิดขึ้นจากการเกิดแผลเล็กๆ น้อยๆ เช่นหินตำ หกล้ม ข้อเท้าพลิกก็อาจส่งผลให้เกิดการอักเสบและทำให้เป็นโรคนี้ได้เช่นกัน

“นอกจากนี้ ที่หลายคนคาดไม่ถึงก็คือ อาหารเป็นส่วนหนึ่งที่เป็นปัจจัยก่อให้เกิดโรคนี้ได้เช่นกัน ความรู้ภูมิปัญญาโบราณเรื่องของ “ของแสลง” มีประโยชน์มาก เราพบว่าผู้ป่วยหลายรายกินของแสลงแล้วป่วยเป็นโรคบวมน้ำเหลือง แต่ก็ไม่ใช่ว่ากินเข้าไปแล้วจะเป็นทุกราย คือต้องเป็นรายที่มีตัวโรคอยู่แล้วและเมื่อกินของแสลงไปจะไปกระตุ้นให้โรคเป็น ของแสลงพวกนี้เราจะแนะนำให้ผู้ป่วยโรคบวมน้ำเหลืองหลีกเลี่ยงอาหารที่มีผู้ป่วยให้ข้อมูลร่วมกันว่าเป็นอาหารแสลงโรคนี้”
ขันชะเนาะที่ขา
สำหรับข้อมูลเรื่องอาหารแสลง นพ.วิชัยให้อย่างละเอียดเพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้ป่วย โดยมีรายการดังนี้ ไก่ทอด ไก่ย่าง เอ็นข้อไก่ ซุปไก่ ไข่ไก่ หมู หนังหมู หมูหัน กุ้งแม่น้ำ กุ้งกุลาดำ ลูกชิ้นกุ้ง หอยแครง หอยแมงภู่ หอยลาย หอยดอง ปูทะเล ปูเค็ม ปลาร้า ปลาช่อน ปลาดุก ปลานิล ปลาทับทิม ปลากะพง ปลาทู ปลาทูน่า ปลาและไข่ปลาแซลมอน ปลากระป๋อง กะปิ น้ำปลา เป็ด ซุปเป็ด เนื้องู เนื้อเก้ง เนื้อวัว นมวัว นมผง ครีม เนย ชีส พิซซ่า หูฉลาม หมี่สำเร็จรูปรสหมูสับและรสหอยลายผัดฉ่า ไวน์ เบียร์ และเหล้าขาว

“ผู้ป่วยที่ได้รับการบำบัดรักษาจนอาการดีขึ้นหรือหายต้องหลีกเลี่ยงอาหารแสลง แต่หากกินมังสวิรัติได้จะดีมาก เพราะร่างกายเขาจะมีโอกาสรับสารพิษได้น้อยที่สุด”
ขันชะเนาะที่แขน
ส่วนแนวทางการรักษาที่ นพ.วิชัย ได้คิดค้นขึ้นเป็นรายแรกของโลกและได้ผลดีกว่าวิธีอื่นนั้นคือวิธีการ “ขันชะเนาะ” ที่โด่งดังไปทั่วประเทศและทั่วโลกและเป็นแพทย์รายเดียวในประเทศไทยที่ให้การรักษาผู้ป่วยโรคนี้ด้วยวิธีดังกล่าวอธิบายว่า ในหลายๆ ประเทศรวมถึงประเทศไทยมีวิธีการรักษาด้วยการนวดบ้างหรือใช้เครื่องกดไล่น้ำเหลืองบ้าง แต่สำหรับการขันชะเนาะนั้นโดยส่วนตัวเชื่อว่าเป็นวิธีที่ได้ผลดีมากและไม่แพ้วิธีไหนๆ ที่เคยทำมา

“แนวคิดคือ เมื่อมันบวมขึ้นมาเราก็ทำให้มันแฟบลง เมื่อน้ำเหลืองคั่งเราก็บีบมันออก แทบไม่มีคนเชื่อว่าเราจะรักษาโรคยากๆ ด้วยวิธีพื้นฐานและถูกมากอย่างการขันชะเนาะ บางคนที่ปวดมากมาเป็นสิบๆ ปี เราสามารถใช้วิธีนี้ทำให้หายปวดได้ภายใน 2 วินาที ปัญหาก็คือตอนนี้เรามีผู้ป่วยมาก แต่มีผมเป็นหมอคนเดียวที่รักษา นอกนั้นเราได้ผู้ช่วยที่เป็นนักศึกษาปริญญาเอกที่ศึกษาในโครงการบ้าง หรือผู้ป่วยที่หายแล้วบ้าง ที่ได้รับการอบรมการขันชะเนาะเป็นอย่างดีมาช่วย เรามีคนไข้ทั้งชาวไทยและต่างประเทศ 19 ประเทศ บินมารักษากับเรา ทำให้ขณะนี้คิวการรักษาแน่นมากไปจนถึงเดือนเมษายน นอกจากนี้ก็มีหลายประเทศที่เจอวิกฤติผู้ป่วยด้วยอาการเช่นนี้ติดต่อมาให้ไปรักษาและอบรมการขันชะเนาะ เราก็ไปให้ จึงอยากให้มีแพทย์หรือบุคลากรที่เกี่ยวข้อง สนใจวิธีการรักษาแนวนี้ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยให้พ้นทุกข์ทรมานให้ได้มากที่สุด”
บรรยากาศภายในอาศรมที่เต็มไปด้วยคนไข้ตลอดวันตลอดคืน
นพ.วิชัย แนะนำด้วยว่า จากประสบการณ์ที่พบว่าผู้ป่วย 1 ใน 4 ที่ผ่าตัดรักษามะเร็งเต้านมและมะเร็งมดลูกมีอาการบวมน้ำเหลือง ก็อยากให้ทุกโรงพยาบาลที่ให้การรักษามะเร็งดังกล่าวมีศูนย์บริการผู้ป่วยบวมน้ำเหลืองเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยที่อาจเป็นโรคนี้หลังการรักษามะเร็งด้วย

“อยากให้มีหมอและบุคลากรที่ทำขันชะเนาะเป็นเยอะๆ ผู้ป่วยจะได้มีทางเลือกในการรักษา ไม่ต้องมาที่เวชศาสตร์เขตร้อนที่เดียว บางคนอยู่ต่างจังหวัด มาไกลมาลำบาก แถมคิวคนไข้เยอะมากจนหลายๆ ครั้งที่ผมรักษาเสร็จก็แทบจะถึงสว่างของอีกวัน เหนื่อยมาก แต่ผมก็รู้ว่าคนไข้รอเราอย่างมีความหวัง บางคนทรมานมาเป็นปีๆ บางคนหลายสิบปี บางคนหมดไปเป็นล้านก็ไม่หาย เราก็อยากให้เขาหายให้ได้มากที่สุด ในอนาคตเราจะเปิดอบรมบุคลากรด้านการขันชะเนาะ เพื่อให้มีผู้ที่จะรักษาคนไข้ให้ได้มากๆ นี่ก็มีบางโรงพยาบาลที่สนใจและส่งคนมาดูงานกับเรา” นพ.วิชัยกล่าวก่อนจะให้กำลังใจผู้ที่กำลังป่วยด้วยโรคนี้ว่าโรคนี้สามารถรักษาให้ดีขึ้นและหายได้ แต่ขอให้ผู้ป่วยอย่าท้อแท้สิ้นหวัง
บรรยากาศภายในอาศรมที่เต็มไปด้วยคนไข้ตลอดวันตลอดคืน

กำลังโหลดความคิดเห็น