วธ.เปลี่ยนตัวประธานโครงการลานบุญ “โสมสุดา” ดัน “สด” นั่งแทน ฝั่ง “ธีระ” ย้ำชัดงบ Sp2 วธ.612 ล้านต้องโปร่งใส ลั่นมีกฎเหล็กห้ามกรรมการไทยเข้มแข็งมีส่วนได้เสียกับการจัดงานหาประโยชน์เข้าตัว
นายธีระ สลักเพชร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เปิดเผยว่า ตามที่ วธ.ได้รับงบประมาณ จำนวน 612 ล้านบาท สำหรับใช้สนับสนุนโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 โดยได้นำร่อง 7 โครงการ นั้น ขณะนี้ตนได้มอบหมายคณะกรรมการเร่งรัดการดำเนินโครงการตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่ 2 ของ วธ.จัดทำรายละเอียดโครงการต่างๆ รวมทั้งได้สั่งการให้หน่วยงานต่างๆ ควบคุมการใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า โปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดำเนินงานบางโครงการเป็นที่ถูกจับตามองจากสังคมว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อผู้ประกอบการบางราย รวมทั้งการให้ผู้ที่มีรายชื่อเป็นคณะกรรมการของโครงการไทยเข้มแข็งของ วธ.มาร่วมจัดงานหาประโยชน์จากการโครงการต่างๆนั้น ตนได้ย้ำชัดเจนว่า ตามหลักการผู้เป็นคณะกรรมการไม่สามารถเข้ามาหาผลประโยชน์จากโครงการต่างๆ ได้ และผู้บริหารจะต้องยึดการดำเนินงานด้วยความเท่าเทียม เป็นธรรม และต้องปกป้องงบประมาณแผ่นดินทุกบาท หากพบว่ามีการทุจริต คอร์รัปชัน ในการดำเนินงานจะต้องถูกสอบสวนทางวินัยทันที
รมว.วัฒนธรรม กล่าวต่อว่า จากการที่ วธ.ได้ประชุมร่วมกับสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับโครงการไทยเข้มแข็งของ วธ.นั้น ทางสำนักงบฯ ได้เร่งรัดให้ วธ.คีย์รายละเอียดข้อมูล ทั้ง 7 โครงการเพื่อใช้ในการขอเบิกจ่ายงบประมาณ ตามแผนงานต่างๆ ที่ตั้งไว้ ซึ่งตนได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการโดยเร็วที่สุด เพื่อที่จะสามารถทยอยเบิกจ่ายงบประมาณมาใช้ในโครงการต่างๆ และให้การดำเนินงานลงสู่ประชาชนได้เป็นรูปธรรม แต่อย่างไรก็ตาม ทางสำนักงบได้เสนอว่า แผนงานต่างๆ ของ วธ.อาจจะมีการปรับเปลี่ยน หรือเพิ่มเติมบางส่วน ได้เพื่อให้มีความสอดคล้องกับแผนปฏิบัติการ ใช้ปฏิบัติได้จริง และสร้างเงินหมุนเวียนให้กับชุมชน และประเทศ ตามนโยบายของรัฐบาล
“นอกจากนี้ วธ.ได้มีการปรับเปลี่ยนประธานคณะอนุกรรมการติดตามเร่งรัดการดำเนินโครงการ ลานบุญลานปัญญา ของกรมการศาสนา (ศน.) ตามที่ นางโสมสุดา ลียะวณิช รองปลัด วธ.ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการฯ เสนอ โดยได้เปลี่ยนให้นายสด แดงเอียด อธิบดี ศน.ขึ้นมาเป็นประธานแทน เนื่องจากนางโสมสุดาให้ความเห็นว่า เพื่อการดำเนินงานจะได้มีความคล่องตัว และไม่หยุดชะงัก อีกทั้งในปีงบประมาณ 2554 ศน.จะต้องมีบรรจุโครงการดังกล่าวเป็นโครงการประจำ ซึ่งตนเห็นว่าการเป็นเรื่องที่เหมาะสมแล้ว” นายธีระกล่าว