“ว.วชิรเมธี” ห่วงคนไทยแตกสามัคคีพาประเทศถอยหลังลงคลอง เปรียบเป็นเคราะห์กรรมของแผ่นดิน น่าเศร้าเคยถูกยกขึ้นชั้นเสือตัวที่ 5 แห่งเอเซีย แต่ปัจจุบันกลายเป็นคนป่วยแห่งเอเซียในสายตาฝรั่ง ฝากพร 4 ประการกอบกู้วิกฤต
พระมหาวุฒิชัย หรือ ว.วชิรเมธี ผู้อำนวยการสถาบันวิมุตตยาลัย กล่าวว่า สังคมไทยในรอบปีที่ผ่านมายังเต็มไปด้วยวิกฤตต่างๆ ทั้ง “การเมืองวิกฤต เศรษฐกิจวิกล คนวิวาท ชาติวิโยค” โดยการเมืองวิกฤต คือ คนไทยแตกความสามัคคี แบ่งเป็นสีเหลือง สีแดง และมีสีน้ำเงินเพิ่มขึ้น และน่าเป็นห่วงว่าการแตกสามัคคีนี้ร้าวลึกเข้าไปทุกกลุ่มชน ซึ่งอันตรายมาก เพราะถึงแม้ประเทศจะมีทรัพยากรเต็มแผ่นดิน มีพระพุทธศาสนา มีพระมหากษัตริย์ผู้ทรงทศพิธราชธรรม แต่คนแตกสามัคคี ถือเป็นเคราะห์กรรมของแผ่นดินที่น่าเศร้ามาก
ว.วชิรเมธี กล่าวต่อว่า สำหรับเศรษฐกิจวิกล คือภาวะวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั่วโลกและภาวะจะมีต่อไป ดังนั้นจึงจำเป็นต้องดำรงชีวิตด้วยความไม่ประมาท ขณะที่คนวิวาทคือคนไทยด้วยกันเอง ถูกยั่วยุ เป่าหู ให้เสพข่าวสารมากมาย และใช้มือ ใช้เท้า ใช้ปาก ใช้หัวสมองของคนไทย คิดหากลยุทธ์ทำร้ายคนไทยด้วยกันเอง เป็นวิกฤตที่น่าเศร้าว่าการพัฒนาประเทศเป็นอย่างไร สุดท้ายต้องหันมารบรากันเอง
“การเมืองวิกฤต เศรษฐกิจวิกล คนวิวาท ส่งผลให้ชาติวิโยค คือประเทศถอยหลังเข้าคลองไป 30-40 ปี ไม่น่าเชื่อว่าประเทศที่ถูกจับตาให้เป็นเสือตัวที่ 5 ของเอเชีย หรือประเทศที่น่าลงทุนแห่งหนึ่งในเอเชีย ณ บัดนี้ ในสายตาของประเทศตะวันตกกลายเป็นคนป่วยของเอเชีย เราพัฒนา เราเล่นการเมือง เราจัดการศึกษา วางแผนเศรษฐกิจกันมาอย่างไร ถึงนำชาติไทยมาสู่ก้นบึ้งของวิกฤติ ถึงขนาดที่กล่าวได้ว่ากลายเป็นคนป่วยของเอเชียในเวลานี้” ว.วชิรเมธี กล่าว
ว.วชิรเมธี กล่าวด้วยว่า สำหรับทางออกนั้น ในทางพุทธศาสนามองว่าวิกฤตอยู่ตรงไหน โอกาสอยู่ตรงนั้น ดังนั้นจะต้องหันกลับไปพิจารณาในปัญหานั้น โดยเฉพาะการวางแผนพัฒนาสังคม ที่เวลานี้คนไทยกว่าร้อยละ 90 เห็นผิดเป็นชอบว่า คอร์รัปชันเป็นสิ่งสามารถทำได้ ใครก็โกง ใครก็คอร์รัปชั่น ขออย่างเดียว ขอให้แบ่งให้ด้วย เป็นทัศนคติที่อันตรายมาก สะท้อนให้เห็นว่าเข็มทิศทางจริยธรรมของสังคมกำลังพังครืนลงไป
“ขอมอบพรปีใหม่ซึ่งจะใช้เป็นเครื่องมือในการกอบกู้วิกฤติครั้งนี้ ให้กลายเป็นโอกาสขึ้นมา ด้วยพร 4 ประการ ที่เรียกว่าพลัง 4 ประการ เพื่อความเกษมศานต์ของชาวไทย คือ 1.พลังปัญญา ขอให้ลดการใช้ความรู้สึกและใช้ความรู้ให้มากขึ้น เพราะสังคมไทยทุกวันนี้เป็นสังคมที่ใช้ความรู้สึกสูง ทำให้เปราะบาง นำไปสู่ความขัดแย้ง เพราะไม่พูดกันด้วยเหตุผล หนึ่งคนก็มีหนึ่งความเห็น ถ้าใช้ตรงนี้วิกฤตการเมืองไม่จบ แต่ถ้าใช้ความรู้จบ 2.พลังความเพียร ขอให้ลดการพึ่งขุนขลังขมังเวทย์ หันมาพึ่งตนเองให้มาก คือมันสมองสองมือของตนเอง 3.พลังของความสุจริต ต่อต้านลดทอนถ่ายถอนคอร์รัปชั่นทุกรูปแบบและหันมาสร้างค่านิยม ซื่อสัตย์ สุจริตโปร่งใส ให้กลายเป็นธงนำของประเทศไทย และ 4.พลังแห่งความสามัคคี ขอให้ลดความเห็นแก่ตัวและเห็นแก่ส่วนรวมให้มากขึ้น ถือหลักอย่าเห็นแก่ตัวจนไม่เห็นหัวประเทศไทย” ว.วชิรเมธี กล่าว