ศน.สรุปผลงานปี52 ชูงานมวลชนดึงคนเข้าวัดปฏิบัติธรรม ขณะที่ศูนย์คุณธรรมดัน “โครงการหลวง” เป็นต้นแบบสร้างงานธุรกิจเพื่อสังคม เตรียมรวมโมเดลในงานสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 5 ต้นปีหน้า
นายสด แดงเอียด อธิบดีกรมการศาสนา(ศน.) กล่าวสรุปการทำงานรอบปี 2552 ว่า ที่ผ่านมาศน.ได้เน้นส่งเสริมให้ศาสนิกทุกศาสนาอยู่ร่วมกันด้วยความสมานฉันท์ ในขณะเดียวกันยังเสริมเสริมให้ประชาชนเข้าถึงหลักคำสอนของศาสนาในโครงการต่างๆ ดังนี้ โครงการรักพ่อ ทำตามคำสอนพ่อ ส่งเสริมให้ประชาชนได้เรียนรู้และน้อมนำพระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คุณธรรม 4 ประการ คือ เมตตาธรรม สามัคคีธรรม สุจริตธรรมและเที่ยงธรรม นอกจากนี้ยังส่งเสริมให้เข้าวัดปฏิบัติธรรมในวันธรรมสวนะทั้ง ในพรรษาและนอกพรรษา ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนมาเข้าวัดฟังพระธรรมเทศนาและปฏิบัติธรรม เจริญจิตภาวนา น้อมฯถวายเป็นพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ ในปีที่ผ่านมายังได้มีการพัฒนามาตรฐานศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ ในวัดเพื่อเป็นศูนย์กลางการส่งเสริมศีลธรรมของเด็ก เยาวชนและประชาชน ซึ่งขณะนี้มีจำนวนถึง 3,400 ศูนย์ทั่วประเทศ
ขณะที่ น.ส.นราทิพย์ พุ่มทรัพย์ ผอ.ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรม(ศูนย์คุณธรรม) กล่าวว่าในปี2553 ศูนย์คุณธรรม ได้ดำเนินการส่งเสริมงานธุรกิจเพื่อสังคม(Social Enterprise) ซึ่งรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวเป็นอย่างมาก โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสร้างเสริมกิจการเพื่อสังคมขึ้น มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เป็นรองประธาน พร้อมด้วยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวฒิ อาทิ รศ.วรากรณ์ สามโกเศศ นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ศูนย์คุณธรรม และผอ.ศูนย์คุณธรรม ร่วมเป็นคณะกรรมการ ในการขับเคลื่อนและส่งเสริมการทำธุรกิจเพื่อสังคมโดยไม่เน้นเรื่องของผลประโยชน์ขององค์กร
น.ส.นราทิพย์ กล่าวต่อไปว่า ศูนย์คุณธรรม จะนำตัวอย่างการดำเนินงาน โครงการหลวง ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเป็นต้นแบบหรือโมเดลให้ภาคธุรกิจและประชาชนได้ศึกษา เนื่องจากโครงการหลวง เป็นการดำเนินธุรกิจเพื่อสังคมโดยแท้จริง เช่น การทำการเกษตร โดยไม่ใช้สารเคมีรักษาสิ่งแวดล้อม มีการกระบวนการผลิตที่เชื่อมโยงกับชุมชน ให้ความรู้ประชาชนในการทำการเกษตรรูปแบบใหม่ สร้างอาชีพรายได้ให้แก่ชาวบ้าน เป็นต้น นอกจากนี้ ศูนย์คุณธรรม จะรวบรวมตัวอย่างการทำธุรกิจเพื่อสังคมของภาคเอกชนมาให้ประชาชนได้ศึกษาในงานสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 5 ที่จะจัดขึ้นประมาณต้นปี 2553 อีกด้วย
“นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญกับการสร้างธุรกิจเพื่อสังคม โดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม และอยากจุดประเด็นให้มีการขับเคลื่อนการทำงานสู่ภาคธุรกิจต่างๆ โดยนำโมเดล โครงการพระราชดำริ โครงการหลวง มาเป็นแบบอย่าง ไม่เอาเปรียบเกษตรกร เน้นทำการเกษตรอินทรีย์ ซึ่งเรื่องนี้ประเทศไทยมีโมเดลอยู่แล้วและควรนำมาปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรม หากในประเทศไทยมีธุรกิจเพื่อสังคมมากขึ้น ก็จะเกิดประโยชน์ต่อประชาชนและชุมชนทำให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน”ผอ.ศูนย์คุณธรรม กล่าว
นายสด แดงเอียด อธิบดีกรมการศาสนา(ศน.) กล่าวสรุปการทำงานรอบปี 2552 ว่า ที่ผ่านมาศน.ได้เน้นส่งเสริมให้ศาสนิกทุกศาสนาอยู่ร่วมกันด้วยความสมานฉันท์ ในขณะเดียวกันยังเสริมเสริมให้ประชาชนเข้าถึงหลักคำสอนของศาสนาในโครงการต่างๆ ดังนี้ โครงการรักพ่อ ทำตามคำสอนพ่อ ส่งเสริมให้ประชาชนได้เรียนรู้และน้อมนำพระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คุณธรรม 4 ประการ คือ เมตตาธรรม สามัคคีธรรม สุจริตธรรมและเที่ยงธรรม นอกจากนี้ยังส่งเสริมให้เข้าวัดปฏิบัติธรรมในวันธรรมสวนะทั้ง ในพรรษาและนอกพรรษา ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนมาเข้าวัดฟังพระธรรมเทศนาและปฏิบัติธรรม เจริญจิตภาวนา น้อมฯถวายเป็นพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ ในปีที่ผ่านมายังได้มีการพัฒนามาตรฐานศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ ในวัดเพื่อเป็นศูนย์กลางการส่งเสริมศีลธรรมของเด็ก เยาวชนและประชาชน ซึ่งขณะนี้มีจำนวนถึง 3,400 ศูนย์ทั่วประเทศ
ขณะที่ น.ส.นราทิพย์ พุ่มทรัพย์ ผอ.ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรม(ศูนย์คุณธรรม) กล่าวว่าในปี2553 ศูนย์คุณธรรม ได้ดำเนินการส่งเสริมงานธุรกิจเพื่อสังคม(Social Enterprise) ซึ่งรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวเป็นอย่างมาก โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสร้างเสริมกิจการเพื่อสังคมขึ้น มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เป็นรองประธาน พร้อมด้วยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวฒิ อาทิ รศ.วรากรณ์ สามโกเศศ นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ศูนย์คุณธรรม และผอ.ศูนย์คุณธรรม ร่วมเป็นคณะกรรมการ ในการขับเคลื่อนและส่งเสริมการทำธุรกิจเพื่อสังคมโดยไม่เน้นเรื่องของผลประโยชน์ขององค์กร
น.ส.นราทิพย์ กล่าวต่อไปว่า ศูนย์คุณธรรม จะนำตัวอย่างการดำเนินงาน โครงการหลวง ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเป็นต้นแบบหรือโมเดลให้ภาคธุรกิจและประชาชนได้ศึกษา เนื่องจากโครงการหลวง เป็นการดำเนินธุรกิจเพื่อสังคมโดยแท้จริง เช่น การทำการเกษตร โดยไม่ใช้สารเคมีรักษาสิ่งแวดล้อม มีการกระบวนการผลิตที่เชื่อมโยงกับชุมชน ให้ความรู้ประชาชนในการทำการเกษตรรูปแบบใหม่ สร้างอาชีพรายได้ให้แก่ชาวบ้าน เป็นต้น นอกจากนี้ ศูนย์คุณธรรม จะรวบรวมตัวอย่างการทำธุรกิจเพื่อสังคมของภาคเอกชนมาให้ประชาชนได้ศึกษาในงานสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 5 ที่จะจัดขึ้นประมาณต้นปี 2553 อีกด้วย
“นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญกับการสร้างธุรกิจเพื่อสังคม โดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม และอยากจุดประเด็นให้มีการขับเคลื่อนการทำงานสู่ภาคธุรกิจต่างๆ โดยนำโมเดล โครงการพระราชดำริ โครงการหลวง มาเป็นแบบอย่าง ไม่เอาเปรียบเกษตรกร เน้นทำการเกษตรอินทรีย์ ซึ่งเรื่องนี้ประเทศไทยมีโมเดลอยู่แล้วและควรนำมาปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรม หากในประเทศไทยมีธุรกิจเพื่อสังคมมากขึ้น ก็จะเกิดประโยชน์ต่อประชาชนและชุมชนทำให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน”ผอ.ศูนย์คุณธรรม กล่าว