xs
xsm
sm
md
lg

ครอบครัวไทยซดเหล้าเพิ่ม 20% จ่ายค่าเหล้าอ่วม ยิ่งจนยิ่งจ่ายหนัก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เลิกเหล้าเลิกจน
สำนักงานสถิติฯ ชี้ในรอบหกปี ครอบครัวไทยซดเหล้าเพิ่มขึ้น 20% จ่ายค่าเหล้าเพิ่ม63%  ยิ่งจนยิ่งจ่ายหนัก ผลานเงินทำลายสุขภาพตัวเอง 7 เท่า ขณะที่ “นักวิชาการ” วอนรัฐบาลปรับขึ้นภาษี คุมโฆษณาอย่างจริงจัง


รศ.ดร.สุพล ลิมวัฒนานนท์ นักวิจัยอาวุโสสำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศและอาจารย์มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า ข้อมูลการสำรวจค่าใช้จ่ายในครอบครัวของสำนักงานสถิติแห่งชาติ โดยพิจารณาในส่วนที่ทำลายสุขภาพและดูแลสุขภาพ ปี 2551 พบว่า สมาชิกในครอบครัวที่ดื่มสุรามีจำนวน 4.7 ล้านครอบครัว เพิ่มขึ้นจากปี 2545 เกือบ 20% ขณะที่สมาชิกครอบครัวที่สูบบุหรี่มีแนวโน้มลดลง 8% เมื่อเปรียบเทียบค่าใช้จ่าย พบว่า ครอบครัวที่มีสมาชิกดื่มสุราจะมีค่าสุราเพิ่มขึ้นจาก 370 บาทต่อเดือนในปี 2545 เป็น 602 บาทต่อเดือนในปี 2551 หรือกล่าวได้ว่าในช่วงเวลา 6 ปี คนไทยจ่ายค่าสุราเพิ่มขึ้น 62% และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทั้งนี้เมื่อรวมค่าใช้จ่ายสุราและบุหรี่ในปี 2551 พบว่า ครอบครัวที่ดื่มสุราและสูบบุหรี่มีค่าใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าทำลายสุขภาพนี้สูงกว่า ค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพเกือบ 7 เท่า และที่น่าเป็นห่วงคือ ครอบครัวที่ยากจนแต่กลับมีค่าใช้จ่ายในการซื้อสุรามากกว่าครอบครัวที่มีฐานะดี

“ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพของมาตรการในการควบคุมปัญหาสุราในประเทศไทย เมื่อเปรียบเทียบกับนโยบายควบคุมยาสูบ อย่างไรก็ตาม แนวทางแก้ไขคงต้องเน้นที่ระบบภาษีสรรพสามิตสุราซึ่งเป็นมาตรการที่ได้ผลสูงสุดหากนำมาใช้อย่างจริงจัง โดยเฉพาะการปรับขึ้นภาษีในโครงสร้างระบบภาษีแบบผสมผสานในปัจจุบัน เพื่อตอบสนองการควบคุมสุราและลดการใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือย นอกจากนี้ ความสำเร็จในการควบคุมยาสูบชี้ให้เห็นถึงประสิทธิภาพการห้ามโฆษณาบุหรี่และผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบเบ็ดเสร็จ ซึ่งรัฐบาลควรนำมาใช้กับการควบคุมเครื่องสุรา” ดร.สุพล กล่าว

นพ.ทักษพล ธรรมรังสี ผอ.ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส.) กล่าวว่า องค์การอนามัยโลกและธนาคารโลกระบุว่า ภาษีสุราเป็นมาตรการที่ได้ผล คุ้มค่าสูงสุดในการควบคุมยับยั้ง หรือชะลอการดื่มสุรา และมาตรการทางภาษีสรรพสามิตมีผลต่อการลดปริมาณและความถี่ของการบริโภคในกลุ่มที่ยังไม่บริโภค เนื่องจากมาตรการภาษีมีอิทธิพลชัดเจนต่อผู้บริโภคที่มีรายได้ต่ำและไม่แน่นอน โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชน อย่างไรก็ตาม การพิจารณาปรับภาษีสรรพสามิตในครั้งนี้ควรคงระบบระบบภาษีแบบสองเลือกหนึ่ง ซึ่งตอบสนองต่อคุณค่าในการควบคุมปัญหาและป้องกันการใช้จ่ายฟุ่มเฟือย
กำลังโหลดความคิดเห็น