xs
xsm
sm
md
lg

“ประเดิม ส่างเสน” หมอพื้นบ้าน “ไทยใหญ่”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ชายหนุ่มผู้มากความสามารถด้วยวัยเพียง 39 ปี นาม “ประเดิม ส่างเสน” บอกเล่าประวัติส่วนตัวโดยคร่าวๆ ว่า เขาเป็นคนไทยใหญ่ที่อาศัยอยู่ในอำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ส่วนครอบครัวของเขานั้น ได้ประกอบสัมมาอาชีพให้การรักษาพี่น้องในชนเผ่าด้วยภูมิปัญญาเก่าแก่ดั้งเดิมมากว่าสิบสองชั่วรุ่นแล้ว

ประเดิมหรือ “พ่อประเดิม” ของบรรดาคนไข้ทั้งหลาย เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับศาสตร์แห่งการรักษาเก่าแก่ของตัวเองว่า การแพทย์พื้นบ้านของไทยใหญ่กับการแพทย์แผนไทยของประเทศไทยไม่ต่างกันมากนัก ผิดกันอยู่หน่อยเดียวคือการแพทย์พื้นบ้านไทยใหญ่เป็นระบบกว่ามาก

“ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นเพราะ คนไทยใหญ่ราวๆ แปดสิบเปอร์เซ็นต์ยังเลือกรักษาด้วยการแพทย์พื้นบ้าน ภูมิปัญญานี้ได้ถูกถ่ายทอดเพื่อนำมาใช้จริง รักษาคนจริงๆ และสืบทอดกันมาในลักษณะที่มีชีวิต ในขณะที่การแพทย์แผนไทยเป็นไปในลักษณะของการศึกษาตำรายาและการรักษาในเชิงทฤษฎีและอนุรักษ์ ซึ่งออกจะทำให้การแพทย์แผนไทยดูเหมือนจะเป็นเรื่องไกลตัวอยู่สักหน่อย แต่คนไทยใหญ่เขากินกันเป็นปกติ ใช้รักษากันเป็นปกติ ไม่นิยมยาฝรั่ง ยาฝรั่งก็มีคนใช้อยู่ราวๆ ร้อยละยี่สิบ อย่างบ้านผมที่แม่อายพอมีบ้าง แต่พอเข้าไปถึงรัฐฉานมันไม่มี หาซื้อลำบาก ยาพื้นบ้านจะหาง่ายกว่า แล้วก็ได้ผลเหมือนกัน กินกันมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย”

พ่อประเดิมได้เอ่ยแนะนำยาพื้นบ้านยอดนิยมตำรับไทยใหญ่ที่ชาวไทยใหญ่ทุกคนต้องรู้จักนั่นก็คือ “จ่าติ๊แหว่ง” ถือเป็นยาสามัญประจำบ้านของชนเผ่าไทยใหญ่ ประกอบขึ้นเป็นตำรับยาจากสมุนไพรทั้งหมด 33 ชนิด อาทิ กานพลู ดอกจันทน์ ลูกจันทน์ ขมิ้น ไพล ข่า ขิง โมกขาว โมกแดง ซึ่งเป็นของหาได้ในป่าทั้งนั้น แต่ระยะหลังจะมีหายากอยู่สองตัวคือดอกจันทน์และลูกจันทน์ แต่ก็ยังสามารถซื้อหาได้ที่ร้านขายยาสมุนไพร

“จาติ๊มันแปลว่าการเกิดขึ้นของธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ แปรปรวน ซึ่งจะก่อให้เกิดโรคต่างๆ ได้ เช่นลมพิษ ลมผิดเดือน หรือปัญหาต่างๆ ของคุณแม่มือใหม่หลังคลอดบุตร รวมไปถึงอาการหลังจากกินอาหารผิดสำแดง”

พ่อประเดิมอธิบายต่อไปอีกว่า ยาสมุนไพรตำรับไทยใหญ่นั้นล้วนแล้วแต่ปลอดภัย แถมไม่มีปัญหาสารตกค้างในร่างกายเหมือนยาฝรั่งบางชนิด เนื่องจากตำรับของไทยใหญ่นั้นมีการคัดเลือกสมุนไพรในการรักษาที่เหมาะสมกับโรคและอาการผิดปกติโดยไม่ทำร้ายร่างกายที่ป่วยอยู่แล้วให้ป่วยมากกว่าเดิม และหากเป็นยาตำรับ คือมีการเข้ายาด้วยสมุนไพรหลายๆ ชนิดนั้น นอกจากจะช่วยรักษาโรคแล้ว หากตัวยาส่งผลอะไรต่อร่างกาย ในตำรับจะมีการใส่ยาหลัก และยารอง เอาไว้แก้อาการที่จะส่งผลไม่ดีต่อร่างกายอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อกินเข้าไปก็จะมีแต่คุณในการรักษาโรค และไม่มีผลร้ายต่อร่างกายใดๆ

“ข้อดีของยาพื้นบ้านก็คือมีราคาถูก แต่ก็ต้องแล้วแต่อาการ ถ้าป่วยนิดๆ หน่อยยาชนิดเดียวก็สามสิบ สี่สิบบาท ถ้าไม่มีเงินจริงๆ ให้กันฟรีๆ ก็ยังได้ คนไทยใหญ่ที่เป็นหมอ ส่วนใหญ่เขาจะเรียก “พ่อพึ่ง” คือแปลว่าผู้ที่ให้คนอื่นพึ่งพา คือเราต้องรักษาเขาก่อน เรื่องค่าตอบแทนเป็นเรื่องรอง ไม่มีเงินก็ให้ได้ เพราะยามันอยู่ในป่า เดินเข้าป่าก็หายาได้ แต่ถ้าเป็นหนักๆ ชนิดที่ต้องดูแลกันเป็นเดือนๆ ก็แพงหน่อยๆ ราวๆ ห้าหรือหกร้อยบาท ซึ่งนับว่าถูกกว่าแผนปัจจุบันมาก” พ่อพึ่งรายนี้ทิ้งท้าย
กำลังโหลดความคิดเห็น