อย.พัฒนาห้องปฏิบัติการด่านอาหารและยา ผ่านการรับรองมาตรฐาน ช่วยประหยัดค่าตรวจสอบอาหาร หาสารพิษ 83 ล้านบาทต่อปี เพิ่มความเชื่อมั่นตรวจสอบผลิตภัณฑ์สุขภาพนำเข้า มุ่งตรวจหาสารพิษตกค้างจากสารฆ่าแมลงในผักสดและผลไม้สด
นพ.นรังสันต์ พีรกิจ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า อย.ได้พัฒนาห้องปฏิบัติการด่านอาหารและยาเข้าสู่มาตรฐาน ซึ่งจะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถและความเชื่อมั่นในการทดสอบผลิตภัณฑ์สุขภาพที่นำเข้าให้เป็นไปตามมาตรฐาน โดยขณะนี้ห้องปฏิบัติการด่านอาหารและยา ได้ผ่านการรับรองความสามารถ
ห้องปฏิบัติการงานด่านอาหารและยาตามข้อกำหนดและเงื่อนไขการรับรองความสามารถห้องปฏิบัติการด่านอาหารและยา จากสำนักมาตรฐานห้องปฏิบัติการ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์แล้ว รวม 3 แห่ง ได้แก่ ห้องปฏิบัติการด่านอาหารและยาท่าเรือกรุงเทพ ห้องปฏิบัติการด่านอาหารและยาเชียงแสน และห้องปฏิบัติการด่านอาหารและยาแม่สาย โดยในเบื้องต้นจะมุ่งเน้นไปที่การตรวจหาสารพิษตกค้างจากสารฆ่าแมลงในผักสดและผลไม้สดก่อนที่จะทยอยตรวจสอบผลิตภัณฑ์สุขภาพอื่นๆต่อไป
นพ.นรังสันต์ กล่าวต่อว่า ในปีงบประมาณ 2552 มีการนำเข้าผักสดและผลไม้สดผ่านทางด่านอาหารและยาต่างๆ จำนวน 328 พันตัน มูลค่ารวมทั้งสิ้น 6,960 ล้านบาท โดย อย.ได้มีการสุ่มตัวอย่างหาสารฆ่าแมลงในผักสดผลไม้สด ณ ด่านอาหารและยา จำนวน 8,581 ตัวอย่าง มีผลเป็นบวก 278 ตัวอย่าง จากนั้นจึงส่งตรวจวิเคราะห์ซ้ำที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เพื่อยืนยันผล เมื่อ เปรียบเทียบกับการที่จะต้องส่งทุกตัวอย่างให้แก่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจวิเคราะห์ จะเสียค่าวิเคราะห์ กว่า 85 ล้านบาท แต่เมื่อได้การรับรองห้องปฏิบัติการตามเกณฑ์มาตรฐานก็จะทำให้การตรวจวิเคราะห์ ถูกต้อง แม่นยำ เป็นไปตามหลักวิชาการ สามารถคัดกรองตัวอย่างเฉพาะที่ต้องสงสัยเท่านั้น ซึ่งเสียค่าใช้จ่ายเพียงแค่ กว่า 2 ล้านบาท ทำให้ลดภาระค่าใช้จ่ายลงได้ถึง 83 ล้านบาท
“การลดค่าใช้จ่ายลงได้มากขนาดนี้จะช่วยประหยัดงบประมาณได้อย่างมาก เป็นแรงจูงใจที่ทำให้เราต้องเร่งพัฒนาห้องปฏิบัติการด่านอาหารและยาของเรา ซึ่งมีจำนวนทั้งสิ้น 11 แห่ง และในอนาคต อย.จะขยายการพัฒนาห้องปฏิบัติการการด่านอาหารและยาเข้าสู่มาตรฐานให้ครบทุกแห่งต่อไป” นพ.นรังสันต์ กล่าว
