กทม.เล็งขึ้นค่าสัมปทานให้เช่าพื้นที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ยึดแนวคิดจุฬาเรียกประโยชน์จากมาบุญครองเพิ่มอีกเท่าตัว คาดถ้าสำเร็จสร้างรายได้ให้ กทม.100 ล้านบาท
นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) เปิดเผยว่า จากที่ตนได้ลงพื้นที่ย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ร่วมกับผู้บริหารสำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) และสำนักงานเขตราชเทวี หลังจากที่มีสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ได้เสนอให้ กทม.ยกเลิกการให้สัมปทานกับเอกชนในการดำเนินการให้เช่าพื้นที่ย่านดังกล่าวทำประโยชน์เพื่อทำการค้า ทั้งนี้เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยและสะอาด สวยงามของพื้นที่ซึ่งจากการตรวจสอบสัญญาสัมปทานเบื้องต้นพบว่าสัญญาดังกล่าวให้สิทธิเช่าพื้นที่ครั้งละ 3 ปีต่อเนื่องได้ 3 ครั้งรวมมีระยะเวลาให้เช่าทั้งหมด 9 ปี โดยสัญญาดังกล่าวเอกชนจะเป็นผู้ลงทุนก่อสร้างอาคารร้านค้าต่างๆ ทุกอย่าง และ กทม.จะได้รับประโยชน์ครั้งละ 1 ล้านบาทต่อ 1 การสัญญาเช่าสิทธิ ซึ่งเอกชนที่เช่าพื้นที่จะทยอยหมดสัญญาในปีนี้ 1 ราย และในปี 2553 และ 2554 ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการรักษาความสะอาดได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการเรียบร้อยแล้ว
นายธีระชนกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่า การให้สิทธิเอกชนลงทุนก่อสร้างและมอบประโยชน์ใน กทม.จะมีลักษณะคล้ายคลึงกับที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ให้มาบุญครองเช่าพื้นที่สร้างห้างสรรพสินค้าโดยจุฬาฯ ในช่วงนั้นจะมีรายได้จำนวน 2,000 ล้านบาทต่อสัญญา แต่เมื่อสัญญาเก่าหมดอายุมีการต่อสัญญาออกไป ทำให้จุฬาฯ ได้รับผลประโยชน์ครั้งนี้เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวถึง 20,000 ล้านบาท เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นแหล่งดึงดูดเงินและเป็นที่รู้จักจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี ดังนั้น ตนจึงเห็นว่าน่าจะใช้แนวคิดกับการให้สัญญาสัมปทาน หรือขยายสัญญาสัมปทาน หรือแม้แต่การเปิดประมูลสัญญาสัมปทานใหม่ โดยพื้นที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิขณะนี้ตกตารางวาละ 1 แสนบาท จึงคาดว่าหากมีการให้สัมปทานครั้งนี้ พื้นที่ตรงนี้น่าจะสร้างรายได้ให้แก่ กทม.ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท
