“ชัยวุฒิ” รับ ทปอ.ยืนสัดส่วนแอดมิชชันปี 54 ตามเดิม ทำมหา’ลัยแห่รับตรงมากขึ้น ชี้สภาคณะบดีวิศวะ ขยายรับตรงแบบไม่จำกัด สามารถทำได้ เป็นอำนาจโดยตรง พร้อมเรียก สกอ.ถกวางระบบรับตรง ขีดเส้นภายใน 3 สัปดาห์
จากกรณีที่ที่ประชุมสภาคณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์แห่งประเทศไทย มีมติให้คณะวิศวกรรมศาสตร์สามารถรับนักศึกษาในระบบรับตรงในปีการศึกษา 2554 ได้อย่างอิสระโดยไม่จำกัดจำนวนเปอร์เซ็นต์ โดยที่ตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ให้รับได้ไม่เกิน 50% และภายหลังจากที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) มีมติให้ยืนองค์ประกอบและค่าน้ำหนักของระบบกลางการรับนิสิต นักศึกษา หรือแอดมิชชันกลางของปีการศึกษา 2554 เหมือนเดิม โดยไม่เปลี่ยนแปลงตามผลประชาพิจารณ์ หรือตามข้อเสนอของที่ประชุมสภาคณบดีคณะวิศวกรรมฯ นั้น
นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า เรื่องดังกล่าวมหาวิทยาลัยสามารถทำได้ เพราะเป็นอำนาจของมหาวิทยาลัยโดยตรง ซึ่งเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ว่าหาก ทปอ.ไม่เปลี่ยนแปลงสัดส่วนองค์ประกอบแอดมิชชัน ปี 2554 ตามที่ที่ประชุมสภาคณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ฯ ได้เสนอไป ก็จะทำให้มหาวิทยาลัยต่างๆ เปิดรับตรงมากขึ้น อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 23 พ.ย.ที่ผ่านมา ตนได้เชิญผู้เกี่ยวข้องจากสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) มาประชุมหารือถึงแนวทางในการกำหนดหลักเกณฑ์เพื่อจัดระบบรับตรงให้ได้ข้อสรุปภายใน 2-3 สัปดาห์นี้ โดยขอให้ยึดหลัก คือ 1.ทำให้เด็กได้รับความสะดวก 2.ได้รับความเป็นธรรม 3.มีความโปร่งใส และ 4.ทำให้มหาวิทยาลัยได้ผู้เรียนที่มีความถนัดในสาขาวิชาต่างๆ ที่มหาวิทยาลัยต้องการ
“เมื่อ ทปอ.ยืนมติดังกล่าว ทางสภาคณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ฯ จึงขยายการรับตรงขึ้น ซึ่งไม่น่าแปลกใจ เหตุนี้จึงต้องเร่งสั่งการในเรื่องจัดระบบรับตรง ซึ่งแม้ สกอ.ไม่ได้มีหน้าที่โดยตรงในการรับนักศึกษา แต่ในฐานะที่ผมมีส่วนในการกำกับดูแล ศธ.และ สกอ. เมื่อเห็นปัญหาว่าในอนาคตเด็กและผู้ปกครอง จะเดือดร้อนมาก เราก็ต้องรีบดำเนินการแก้ไข ” นายชัยวุฒิกล่าว
รมช.ศธ. กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตาม จากที่เคยสอบถามมหาวิทยาลัยต่างๆ พบว่าทางมหาวิทยาลัยเองไม่ได้ต้องการเปิดรับตรงมากขึ้น แต่เป็นเพราะสัดส่วนองค์ประกอบของระบบแอดมิชชัน ที่ทปอ.กำหนดไว้ ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของแต่ละมหาวิทยาลัยที่ต้องการคัดแยกเด็กที่มีความถนัดตรงตามสาขาวิชาได้ ด้วยเหตุนี้จึงต้องไปรับตรงเพิ่มขึ้น