“ชินภัทร” ย้ำไม่ยื้อเวลา หลังตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงทุจริต ช.พ.ค.5 อีกชุด ลั่นยึดหลักความเป็นธรรม ให้โอกาสผู้ถูกระบุความผิดได้แจง ระบุไม่เริ่มกระบวนการสอบใหม่ แค่กลั่นกรองข้อมูลจากชุดเดิม สั่งสอบให้เสร็จใน 20 วัน ส่วนการนั่งรักษาการ ผอ.องค์การค้าฯ ต่อ ยันเป็นมติบอร์ด เพื่อสานงานต่อเนื่อง อ้างกลัวคนองค์การค้าเสียขวัญเหตุขาดผู้นำในช่วงวิกฤติ ไม่มีคำตอบลาออกจากตำแหน่งหลังได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นเลขาฯ กพฐ.อ้างให้ถึงเวลาก่อน
วันนี้ (19 พ.ย.) นายชินภัทร ภูมิรัตน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) เปิดเผยถึงกรณีการตั้งคณะกรรมตรวจสอบข้อเท็จจริงโครงการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) โครงการ 5 ชุดใหม่ เพื่อกลั่นกรองผลสอบคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ ชุดที่มี นายสุนันท์ เทพศรี รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) เป็นประธาน ว่า เรื่องนี้ไม่ได้ยื้อเวลาให้ยืดเยื้อออกไป แต่เป็นการยึดหลักความเป็นธรรม ให้ผู้ที่ถูกระบุว่ามีความผิดมีสิทธิได้โต้แย้งและแสดงหลักฐานที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม การตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมนั้น ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นการเริ่มต้นกระบวนการใหม่ แต่เป็นการทำหน้าที่กลั่นกรองข้อมูลจากรายงานเดิม เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ครบถ้วนสามารถนำไปสู่การพิจารณาได้ เพราะองค์คณะชุดใหม่ที่เข้ามาทำการตรวจสอบน่าจะมีมุมมองเพิ่มขึ้น มีความรอบคอบมากขึ้น โดยคณะกรรมการชุดใหม่นี้ตนได้แต่งตั้งให้ นายนพพร สุวรรณรุจิ ผู้ตรวจราชการ ศธ. เป็นประธาน โดยได้กำหนดเงื่อนเวลาให้คณะกรรมการชุดดังกล่าวกลั่นกรองให้แล้วเสร็จภายใน 20 วัน และเชื่อว่า น่าจะเป็นระยะเวลาที่เหมาะสมเพื่อให้ผู้ถูกระบุว่ามีความผิดได้มีโอกาสได้ชี้แจง
“การที่กำหนดระยะเวลาการตรวจสอบให้เสร็จใน 20 วัน แสดงถึงเจตนาที่จะให้มีการดำเนินงานในเรื่องนี้มีความชัดเจนและเป็นธรรมโดยเร็ว โดยผมได้แจ้งเรื่องนี้ต่อนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.ศึกษาธิการ ทราบด้วยวาจาแล้ว และยืนยันได้ว่าไม่ได้ตั้งขึ้นมาซ้ำซ้อน” ปลัด ศธ.กล่าว
เมื่อถามว่า ผลการสอบของคณะกรรมการชุดใหม่นี้จะเปลี่ยนไปหรือไม่นั้น นายชินภัทร กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่มีใครคาดการณ์ได้ แต่ตนเชื่อในความยุติธรรม และความเป็นกลางของคณะกรรมการชุดนี้ เพราะได้สรรหาบุคคลที่มีความเป็นกลางมีประสบการณ์ด้านกฎหมายมาทำหน้าที่ตรงนี้โดยตรง
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่า มีความเหมาะสมในการนั่งตำแหน่งรักษาการผอ.องค์การค้าฯ ต่ออีกหรือไม่เพราะปลัด ศธ.ก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) แล้วนั้น
นายชินภัทร กล่าวว่า ตรงนี้เป็นเพียงเรื่องของการเปลี่ยนผ่านเท่านั้นเพราะองค์การค้าฯ เป็นหน่วยงานที่มีความสำคัญของสำนักงานส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) และเป็นหน่วยงานที่ต้องรองรับการพิมพ์แบบเรียนและสื่อการเรียนการสอนเพื่อสนับสนุน ศธ.จึงจำเป็นต้องประคับประคองให้การทำงานเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ฉะนั้นมติที่ประชุม สกสค.ที่ให้ตนรักษาการผอ.องค์การค้าฯ ต่อไปเป็นเพียงการแสดงให้เห็นว่าที่ประชุม สกสค.ต้องการให้มีความต่อเนื่อง แต่ทั้งนี้ตนก็ได้ให้เริ่มกระบวนการสรรหา ผอ.องค์การค้าฯ คนใหม่ได้ทันที ซึ่งจะเป็นจุดที่มาเสริมต่อพอดีเมื่อแต่งตั้ง ผอ.องค์การค้าฯ คนใหม่ได้ นอกจากนี้ การรักษาการต่อก็เพื่อไม่ให้บุคลากรองค์การค้าฯ เสียขวัญ เพราะการขาดผู้นำในขณะที่มีวิกฤติปัญหาอยู่ อาจก่อให้เกิดการเสียขวัญกำลังใจได้ ดังนั้น มติที่เกิดขึ้นจึงเป็นไปเพื่อการมีเสถียรภาพในการทำงานมากกว่า ส่วนที่มองว่าการที่ตนรักษาการผอ.องค์การค้าฯ ควบกับตำแหน่งเลขาธิการ กพฐ.อาจจะขัดกับพ.ร.บ. ร่วมค้านั้นไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
เมื่อถามว่า จะมีการลาออกจากการเป็นรักษาการ ผอ.องค์การค้าฯ หรือไม่หลังจากได้รับโปรดเกล้าฯ ตำแหน่งเลขาธิการ กพฐ.นายชินภัทร กล่าวว่า "เรื่องนี้ต้องให้ถึงเวลาตรงนั้นก่อนแล้วคำตอบก็จะเกิดขึ้นเอง ตอนนี้ยังไม่มีคำตอบ อย่างไรก็ตามข้อสังเกตเหล่านี้ตนคิดว่าจุดหลักก็เพื่อประคับประคอง ให้การดำเนินการไปอย่างราบรื่น เดินผ่านรอยต่อนี้ไปให้ได้เท่านั้น"
