xs
xsm
sm
md
lg

สธ.ยัน ต.ค.นี้ อสม.ได้ค่าตอบแทนแน่ โบ้ยช้าเพราะ มท.คีย์พลาด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธาณสุข (รมว.สธ.)
“วิทยา” ชี้ อสม.ได้รับค่าตอบแทนเดือน ต.ค.แน่ แต่เหตุล่าช้าเพราะผิดพลาดที่ระบบคีย์ข้อมูลของมหาดไทย เชื่อจ่ายเงินได้ภายในสัปดาห์นี้ เร่ง อสม.ค้นหาคนพิการขึ้นทะเบียน-ตรวจร่างกาย 3 ธ.ค.เตรียม 2 งานใหญ่ เฉลิมพระเกียรติในหลวง 5 ธ.ค.

วันนี้ (11 พ.ย.) ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ) นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวในการเป็นประธานการประชุมผู้บริหาร สธ.และนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อชี้แจงนโยบายการดำเนินในปีงบประมาณ 2553 ว่า ตามนโยบายของรัฐบาลให้เน้นการส่งเสริมสุขภาพประชาชน ซึ่งทุกหน่วยงานในสังกัดสธ.ต้องเร่งปฏิบัติการป้องกันโรคมากกว่าการมุ่งเพียงการรักษาพยาบาล ที่ผ่านมารัฐบาลได้เริ่มดำเนินการจากการให้ค่าตอบแทน อสม.เดือนละ 600 บาท โดยในปีงบประมาณ 2552 เริ่มจ่ายตั้งแต่เดือน เม.ย.-ก.ย.2552

นายวิทยากล่าวต่อว่า ส่วนในปีงบประมาณ 2553 จะต้องเริ่มจ่ายตั้งแต่เดือนตุลาคม 2552 แต่ที่ผ่านมาประสบปัญหา ในการเบิกจ่ายค่าตอบแทน อสม.ประจำเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นเดือนแรกของปีงบประมาณ 2553 การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)เมื่อวันที่ 10 พ.ย.ที่ผ่านมา ก็มีความเป็นห่วงในเรื่องนี้ จึงได้สอบถามที่มาที่ไปพบว่าเกิดจากปัญหาการคีย์ข้อมูลเข้าระบบของกระทรวงมหาไทย (มท.) ทำให้ผู้ใหญ่บ้านและกำนันไม่สามารถเบิกจ่ายเงินได้ ไม่ใช่ว่ารัฐบาลไม่มีเงิน และภายในสัปดาห์นี้การแก้ไขปัญหาจะแล้วเสร็จ และจ่ายเงินให้กับอสม.ได้เช่นเดิมถึงกันยายน 2553

“ภารกิจหลักที่มอบหมายให้ อสม.ดำเนินการใน 3 เรื่อง คือ การดูแลหญิงตั้งครรภ์ การรับเป็นพ่อแม่บุญธรรมเด็กแรกคลอด และการดูแล ค้นหาผู้สูงอายุในชุมชน ถือเป็นงานส่งเสริมสุขภาพประชาชน และเริ่มมีรายงานผลการทำงานของ อสม.เข้ามาถึงผมบางแล้วในหลายจังหวัด ซึ่งภายในวันที่ 20 มี.ค.2553 ที่เป็นวัน อสม.แห่งชาติ อยากให้มีการประกาศตัวเลขให้ประชาชนรับทราบว่า 1 ปีที่ผ่านมา อสม.มีผลงานอะไรบ้าง เพื่อเป็นการสร้างหลักประกันให้ อสม.ว่า แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลก็น่าจะได้รับค่าตอบแทน” นายวิทยากล่าว

นายวิทยากล่าวอีกว่า นอกจากนี้ สธ.จะลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) มท. และกรุงเทพมหานคร ในการค้นหาผู้พิการ โดย สธ.จะมอบหมายให้ อสม.เป็นผู้สำรวจผู้พิการในชุมชน และในวันที่ 3 ธ.ค.นี้ ซึ่งเป็นวันคนพิการสากล จะจัดส่งแพทย์ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.) ลงพื้นที่สถานีอนามัย (สอ.) ทั่วประเทศ เพื่อตรวจรับรองความพิการของผู้พิการรวมทั้งรับขึ้นทะเบียนในวันเดียวกัน และจะต้องดำเนินการออกบัตรประจำตัวผู้พิการให้แล้วเสร็จทั้งประเทศภายในเดือน ธ.ค.นี้

นายวิทยากล่าวด้วยว่า ในปีนี้ สธ.ได้จัดโครงการเฉลิมพระเกียรติ 2 โครงการใหญ่พร้อมกันทั่วประเทศ ประกอบด้วย 1.โครงการสนองน้ำพระทัยในหลวง ทรงห่วงใยสุขภาพประชาชน ระยะที่ 1 จะดำเนินการตรวจสุขภาพประชาชนที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป ซึ่งมีประมาณ 45 ล้านคน เพื่อคัดกรองหาโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูงพร้อมกันทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 27 พฤศจิกายน - 5 ธันวาคม 2552 ให้สถานบริการสาธารณสุขทุกแห่ง ร่วมกับ อสม.กว่า 9 แสนคน ดำเนินการ ในส่วนกลางจะจัดงานรณรงค์ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในวันที่ 5 ธันวาคม 2552

นายวิทยากล่าวต่อว่า และ 2.โครงการดูแลผู้ป่วยไตวายเรื้อรังแบบครบวงจร เนื่องจากขณะนี้มีคนไทยป่วยเป็นไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายประมาณ 30,000 ราย และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สาเหตุประมาณร้อยละ 80 เป็นโรคแทรกซ้อนเกิดมาจากโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ขณะนี้ผู้ป่วยไตวายดังกล่าวขึ้นทะเบียนมีสิทธิฟอกไตด้วยเครื่องไตเทียมในโครงการหลักประกันสุขภาพ 8,895 ราย และฟอกไตผ่านทางช่องท้อง 3,557 ราย จากการติดตามพบว่าผู้ป่วยยังเข้าไม่ถึงบริการที่ควรจะเป็น เนื่องจากไม่มีค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปรักษาในโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลจังหวัด และค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงหากอยูในภาคเอกชน
กำลังโหลดความคิดเห็น