“ธีระ” ข้ามโขงเยือน “เวียงจันทน์” นำขบวนทอดผ้าป่า ณ วัดสีสะเกด กระชับความสัมพันธ์สองแผ่นดินในมิติวัฒนธรรม แย้มเตรียมให้ความร่วมมือด้วยการบูรณปฏิสังขรณ์โบราณสถานสำคัญของลาว ด้านเอกอัครราชทูต เผย ลาวคึกคักรับซีเกมส์ เผยเตรียมเจรจาขอยืดเวลาเปิดด่านข้ามแดนช่วงแข่งกีฬารองรับคนไทยข้ามฝั่งเชียร์ทีมไทย
นายธีระ สลักเพชร รัฐมนตรีว่าการการทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) เปิดเผยหลังการเดินทางเยือนประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (ส.ป.ป.ลาว) ระหว่างวันที่ 15-17 ต.ค.เพื่อเป็นประธานในการทอดผ้าป่าสามัคคี ณ วัดสีสะเกด นครเวียงจันทน์ ว่า ได้มีโอกาสเยี่ยมชมภูมิทัศน์ภายในวัดสีสะเกด ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ อายุราว 450 ปี ที่มีคุณค่าทั้งด้านประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรม พร้อมกันนี้ ก็ได้มีโอกาสหารือกับนายบัวเงิน ซาพูวง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแถลงข่าวและวัฒนธรรม ของ ส.ป.ป.ลาว เรื่องการบูรณปฏิสังขรณ์วัดสีสะเกด โดยทางกระทรวงวัฒนธรรมยินดี และพร้อมที่จะสนับสนุนอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นด้านกำลังคน ด้านนักวิชาการ และด้านองค์ความรู้
“ของเรามีช่างสิบหมู่ สังกัดกรมศิลปากร ซึ่งทางเรายินดีที่จะให้ความช่วยเหลือและร่วมมือกับรัฐบาลลาว โดยกระทรวงแถลงข่าวและวัฒนธรรม เพื่อช่วยบูรณปฏิสังขรณ์วัดดังกล่าวให้กลับมามีความสมบูรณ์ทางสถาปัตยกรรมมากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของหอไตร ที่ถือเป็นไฮไลต์ของเวียงจันทน์ ที่เก่าแก่ และยังมีความสมบูรณ์และสวยงามมาก ตะกี้ท่านรัฐมนตรีช่วย เล่าว่าทางลาวใช้ช่างจากหลวงพระบาง ผมก็ได้มีโอกาสคุยกับช่างท่านนั้น ทราบว่า ลาวมีวิธีการทำปูน หมักปูน ลักษณะเหมือนวิธีของไทย นั่นแสดงว่า เรามาจากอารยธรรมเดียวกัน”
นายธีระ กล่าวต่อไปอีกว่า สถาปัตยกรรมลาวและสถาปัตยกรรมไทยมีความใกล้เคียงกันมาก และมีความเชื่อมโยงทางประวัติศาสตร์มาโดยตลอด เพราะไทยและลาวมีรากเหง้าอันเดียวกัน มาจากอู่อารยธรรมเดียวกัน แต่สิ่งที่ตนประทับใจชาวลาว ก็คือ การรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีไว้อย่างเหนียวแน่น รวมทั้งมีการอนุรักษ์โบราณสถาน วัดวาอารามสำคัญเอาไว้เป็นอย่างดี ต่างจากประเทศไทยที่รับเอาวัฒนธรรมของต่างชาติมามาก จนบางครั้งคนไทยลืมวัฒนธรรมรากเหง้าของตนเอง ดังนั้น ในมิติของการอนุรักษ์และรักษาขนบธรรมเนียมของลาว เป็นสิ่งที่ประเทศไทยต้องถือเป็นแบบอย่าง ประเทศไทยต้องอนุรักษ์วัฒนธรรมดังเดิมที่ตนเองมีอยู่เอาไว้ให้คนรุ่นต่อไปได้เรียนรู้ และสืบทอดให้มากที่สุด ก่อนที่เสน่ห์ความงดงามทางวัฒนธรรมของไทยจะหายไป
ด้าน นายบัวเงิน กล่าวว่า ประมุขรัฐของทั้ง 2 ประเทศ ได้มีการเยี่ยมเยือนกันตลอด พร้อมทั้งได้มีการแนะนำแนวทางการพัฒนาไว้อย่างมากมาย ขณะที่รัฐบาลและประชาชนของทั้ง 2 ชาติ ลาว และ ไทย ก็มีการไปมาหาสู่กันอย่างต่อเนื่อง และมีความร่วมมือทางด้านวัฒนธรรมมาโดยตลอด ซึ่งในปีต่อไปกระทรวงแถลงข่าวและวัฒนธรรมของ ส.ป.ป.ลาว และกระทรวงวัฒนธรรมของไทย จะมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวิชาการด้านวัฒนธรรมเกี่ยวกับการอนุรักษ์ ดูแลโบราณสถาน วัดวาอารามที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์มากขึ้น โดยเฉพาะการร่วมมือบูรณะวัดสีสะเกด รวมทั้งจะมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านวิชาการ การศึกษา คณะนาฏศิลป์ ศิลปการแสดงอีกด้วย ซึ่งเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันระหว่างคนทั้ง 2 ชาติ
ด้านนายวิบูลย์ คูสกุล เอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศลาว กล่าวว่าขณะนี้ประเทศลาวมีความคึกคัก เนื่องจากใกล้จะถึงการจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ระหว่างวันที่ 3-12 ธ.ค.นี้ และเชื่อว่า จะมีประชาชนไทยจำนวนมากให้ความสนใจเดินทางทางข้ามมาฝั่งลาวเพื่อเชียร์ทัพนักกีฬาไทย
“ยิ่งหากบอลเราได้เข้าชิง ผมเชื่อว่า คนไทยจะเดินทางมาเชียร์ที่ฝั่งลาวมาก เนื่องจากใกล้กันนิดเดียว เดินทางสะดวก ก็ได้หารือกับทางลาว ว่า ในช่วงกีฬาซีเกมส์ เราจะเจรจาขอยืดเวลาการเปิดด่านจากเดิมปิด 4 ทุ่ม ก็จะขอขยายเป็นเที่ยงคืน ซึ่งทางลาวก็เห็นดีด้วยกับเรา ตอนนี้ก็อยู่ในช่วงเตรียมจะเจรจาครับ”