เลขาฯ สพฉ.ชี้รถพยาบาลฉุกเฉิน-อุปกรณ์การแพทย์ไม่จำเป็นต้องเหมือนกันเปี๊ยบ เหตุแต่ละพื้นที่จำเป็นต้องใช้รถแตกต่างกันหวั่นข้อครหาส่วนกลางล็อกสเปก
นพ.ชาตรี เจริญชีวะกุล เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน (สพฉ.) กล่าวว่า ในการประชุมบอร์ สพฉ.เมื่อเร็วนี้ ได้มีการหารือเกี่ยวกับการจัดซื้อรถพยาบาลฉุกเฉิน โดยนายมานิต นพอมรบดี รมช.สาธารณสุข เป็นประธานการประชุมให้นโยบายว่าจะต้องนำรถพยาบาลมาใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด ซึ่งการจัดซื้อรถพยาบาลจะจัดซื้อให้กับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพสต.) แต่ให้จอดรถไว้ที่โรงพยาบาลชุมชน เนื่องจากรพสต.มีภาระงานที่เกี่ยวข้องในการใช้รถพยาบาลน้อย โดย สพฉ.จะจ่ายค่าน้ำมันให้เที่ยวละ 1 พันบาท
นพ.ชาตรี กล่าวต่อว่า ส่วนการพิจารณาเรื่องมาตรฐานเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้อยู่ในลักษณะที่คล้ายคลึงกันนั้น ส่วนตัวมองว่าเครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์ในรถพยาบาลมีความคล้ายคลึงกันอยู่แล้ว ดังนั้น การใช้นโยบายกระจายอำนาจให้จังหวัดเป็นผู้จัดซื้อรถพยาบาลเอง ก็ไม่ควรทำให้มีสเปกเหมือนกันทั้งหมด เนื่องจากแต่ละจังหวัดมีความจำเป็นใช้รถที่แตกต่างกัน เช่น จ.แม่ฮ่องสอน ต้องการใช้รถที่มีความทนทานเพราะต้องไต่เขาขึ้นเนิน
“หากมองในมุมของรมช.อาจต้องการให้เจ้าหน้าที่หยิบจับเครื่องมือได้สะดวก แต่ในทางปฏิบัติไม่มีปัญหาในเรื่องการทำงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งในการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพฉุกเฉินก็มีหลักในการทำงานเรื่องจัดระเบียบสิ่งของในรถอยู่แล้ว ถ้าใช้รถเป็นประจำจะรู้ว่าสิ่งใดอยู่ตรงไหน หากเครื่องมือและอุปกรณ์ไม่ได้อยู่ตรงจุดเดียวกันจึงไม่ใช่อุปสรรคในการทำงาน และหากดำเนินการตามที่รมช.มีความเป็นห่วงอาจเกิดข้อครหาว่ามีการล็อกสเปกจากส่วนกลางได้” นพ.ชาตรีกล่าว
นพ.ชาตรี เจริญชีวะกุล เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน (สพฉ.) กล่าวว่า ในการประชุมบอร์ สพฉ.เมื่อเร็วนี้ ได้มีการหารือเกี่ยวกับการจัดซื้อรถพยาบาลฉุกเฉิน โดยนายมานิต นพอมรบดี รมช.สาธารณสุข เป็นประธานการประชุมให้นโยบายว่าจะต้องนำรถพยาบาลมาใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด ซึ่งการจัดซื้อรถพยาบาลจะจัดซื้อให้กับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพสต.) แต่ให้จอดรถไว้ที่โรงพยาบาลชุมชน เนื่องจากรพสต.มีภาระงานที่เกี่ยวข้องในการใช้รถพยาบาลน้อย โดย สพฉ.จะจ่ายค่าน้ำมันให้เที่ยวละ 1 พันบาท
นพ.ชาตรี กล่าวต่อว่า ส่วนการพิจารณาเรื่องมาตรฐานเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้อยู่ในลักษณะที่คล้ายคลึงกันนั้น ส่วนตัวมองว่าเครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์ในรถพยาบาลมีความคล้ายคลึงกันอยู่แล้ว ดังนั้น การใช้นโยบายกระจายอำนาจให้จังหวัดเป็นผู้จัดซื้อรถพยาบาลเอง ก็ไม่ควรทำให้มีสเปกเหมือนกันทั้งหมด เนื่องจากแต่ละจังหวัดมีความจำเป็นใช้รถที่แตกต่างกัน เช่น จ.แม่ฮ่องสอน ต้องการใช้รถที่มีความทนทานเพราะต้องไต่เขาขึ้นเนิน
“หากมองในมุมของรมช.อาจต้องการให้เจ้าหน้าที่หยิบจับเครื่องมือได้สะดวก แต่ในทางปฏิบัติไม่มีปัญหาในเรื่องการทำงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งในการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพฉุกเฉินก็มีหลักในการทำงานเรื่องจัดระเบียบสิ่งของในรถอยู่แล้ว ถ้าใช้รถเป็นประจำจะรู้ว่าสิ่งใดอยู่ตรงไหน หากเครื่องมือและอุปกรณ์ไม่ได้อยู่ตรงจุดเดียวกันจึงไม่ใช่อุปสรรคในการทำงาน และหากดำเนินการตามที่รมช.มีความเป็นห่วงอาจเกิดข้อครหาว่ามีการล็อกสเปกจากส่วนกลางได้” นพ.ชาตรีกล่าว
