ผู้อำนวยการ รพ.ยะหริ่ง ปัตตานี-รพ.วารินชำราบ-รพ.สมเด็จพระยุพราชสว่างแดนดิน คว้ารางวัลแพทย์ชนบทดีเด่นปี 52 ยกเป็นแพทย์ที่อุทิศตน เสียสละในพื้นที่กันดาร ซื่อสัตย์สุจริต นักพัฒนาสร้างประโยชน์ให้มวลชน

นพ.บรรลุ ศิริพานิช ประธานกรรมการมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย (มส.ผส.) เป็นประธานในพิธีมอบโล่รางวัล แพทย์ชนบทดีเด่นกองทุนนายแพทย์กนกศักดิ์ พูลเกษร ประจำปี 2552 โดยมีแพทย์ชนบทได้รับรางวัล 3 ราย ได้แก่ 1. นพ.สมชัย พงษ์ธัญญะวิริยา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลยะหริ่ง จ.ปัตตานี ในฐานะเป็นผู้มีความอดทนมุ่งมั่นในการทำงาน มีมนุษยสัมพันธ์เข้ากับชุมชนได้ดี จนทำให้โรงพยาบาลยะหริ่งผ่านการรับรอง โรงพยาบาลคุณภาพ ( HA) 2. นพ.วิโรจน์ โรจนวัธน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสว่างแดนดิน จ.สกลนคร เป็นผู้บริหารงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต สามารถแก้ปัญหาหนี้สินของโรงพยาบาลที่มีอยู่ประมาณ 12 ล้านบาทจนผ่านพ้นวิกฤต และ3. นพ.เจริญ เสรีรัตนาคร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวารินชำราบ จ.อุบลราชธานี จากการที่เป็นนักพัฒนาและวางระบบคอมพิวเตอร์เพื่อใช้ในโรงพยาบาลอำเภอถึง 18 อำเภอ
นพ.สมชัย พงษ์ธัญญะวิริยา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลยะหริ่ง จ.ปัตตานี กล่าวว่า รางวัลที่ได้รับถือเป็นกำลังใจในการทำงานให้แพทย์ที่อยู่ในชนบท ซึ่งปัตตานีถือเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยไม่มีแพทย์อยากอยู่เพราะเกรงอันตรายแต่ตนเองเป็นคนปัตตานี เมื่อสำเร็จการศึกษาแพทยศาสตร์จากมหาวิทยาลัยมหิดลเมื่อปี 2533 จึงตัดสินใจรับราชการที่ จ.ปัตตานีและปฏิบัติงานในพื้นที่นี้มาตลอด 19 ปี โดยเน้นให้ประชาชนได้รับบริการที่มีคุณภาพแม้จะอยู่ในพื้นที่ห่างไกล รวมถึงนำวิถีชีวิตแบบมุสลิมและคนในชุมชนมาปรับใช้ในการบริการด้วย เช่น การจัดให้มีมุมอาซานในโรงพยาบาล ซึ่งคนมุสลิมจะต้องประกอบพิธีหลังจากเด็กคลอดใหม่ และนำบทบัญญัติเรื่องความสะอาดมาปรับใช้ในการส่งเสริมสุขภาพประชาชนโดยผ่านผู้นำศาสนา

“ขณะนี้การทำงานในพื้นที่แตกต่างจากในอดีตอย่างสิ้นเชิง ในปี 2533 แม้จะมีความขาดแคลนในเรื่องต่างๆอยู่มาก แต่สถานการณ์ความรุนแรงไม่เหมือนปัจจุบัน อดีตเป็นการจับคนเรียกค่าไถ่และเผาโรงเรียนเปลี่ยนเป็นการเอาชีวิตด้วยการยิงและวางระเบิด จากเดิมสามารถเดินทางได้ในเวลากลางคืน หรือปฏิบัติงานจนถึงตี 2 ก็เดินทางกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย ขณะที่ทุกวันนี้เมื่อเริ่มค่ำก็ต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น บุคลากรที่ทำงานส่วนใหญ่เป็นคนในพื้นที่ และมีความหวาดกลัวแต่ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท” นพ.สมชัย กล่าว
ขณะที่ นพ.เจริญ เสรีรัตนาคร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวารินชำราบ จ.อุบลราชธานี กล่าวว่า การเป็นแพทย์ชนบทหรือทำงานในชนบทไม่ใช่เป็นอุดมการณ์แต่อย่างใด แต่เป็นสิ่งที่ท้าทาย เมื่อศึกษาจบก็เพียงคิดว่าเป็นแพทย์ต้องช่วยเหลือดูแลคนไข้ โดยไม่คิดถึงว่าจะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญ ต้องร่ำรวย หรืออยู่ในโรงพยาบาลใหญ่ เพราะอยู่ในโรงพยาบาลอำเภอก็มีความสุขสบายดีและความคิดนี้ทำให้ทำงานในพื้นที่ตั้งแต่จบมาถึงวันนี้เป็นเวลา 25 ปี
“อยากฝากถึงน้องนักศึกษาที่จบใหม่ที่อาจวิตกกังวลต่างๆ เช่น กลัวรายได้ไม่ดี กลัวเป็นแพทย์ชั้นสอง กลัวถ้าอายุมากขึ้นแล้วลูกเต้าไม่ได้เรียนโรงเรียนดีๆ แต่ส่วนตัวแล้วไม่มีอะไรน่ากลัว เพราะขณะนี้บ้านเมืองเจริญไปมาก ไม่มีอะไรลำบากเช่นในอดีตอีกแล้ว อีกทั้งอยู่ในที่นี่ก็มีความสุขสบายดี” นพ.เจริญ กล่าว

ด้าน นพ.วิโรจน์ วิโรจน์วัธน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสว่างแดนดิน จ.สกลนคร กล่าวว่า สาเหตุที่ได้รับรางวัลคงไม่ใช่เพราะเก่งแต่เป็นเพราะการปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่มีเล่ห์ ไม่โกหก เรียนรู้ว่าหากปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ปัญหาอุปสรรคที่มีอยู่จากเรื่องยากก็จะกลายเป็นเรื่องง่าย เช่นเดียวกับการบริหารงานหาก เน้นให้ความประหยัดและความโปร่งใสให้เจ้าหน้าที่ทุกระดับเข้าใจการทำงาน หนี้สินที่โรงพยาบาลมีอยู่ 12 ล้าน ก็ค่อยๆหมดไป
นพ.วิโรจน์ กล่าวด้วยว่า ระบบการศึกษาด้านแพทยศาสตร์เป็นการมุ่งรักษาทางกายมาก แต่สิ่งจำเป็นที่ต้องมีด้วยคือมีความใส่ใจในทักษะความเป็นแพทย์ ทักษะการสื่อสารกับผู้รับบริการ แพทย์หลายคนมีความรู้ความสามารถเก่ง แต่ไม่สามารถสื่อสารให้ผู้รับบริการทราบว่าต้องการสื่อสารอะไร หรือไม่ทราบว่าผู้รับบริการต้องการบอกอะไร รวมทั้งการที่การศึกษาแพทย์ต้องเรียนกับร่างกายมนุษย์ อาจมองว่าเป็นเพียงวัตถุ แต่ความเป็นจริงแล้ว มนุษย์มีความรัก มีความทุกข์ อยากให้แพทย์รู้สึกในส่วนนี้ลึกซึ้งเมื่อทำงานมากขึ้น หากทำได้เช่นนี้ปัญหาการฟ้องร้องระหว่างแพทย์และผู้ป่วยจะลดลง เพราะผู้รับบริการจะเข้าใจว่าแพทย์ดูแลด้วยจิตวิญญาณไม่ใช่รู้สึกว่าทำเพียงแค่เอาสารเคมีมาใช้กับร่างกาย แพทย์ต้องดูแลมนุษย์ ไม่ใช่คน ไม่ใช่โรค
นพ.บรรลุ ศิริพานิช ประธานกรรมการมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย (มส.ผส.) เป็นประธานในพิธีมอบโล่รางวัล แพทย์ชนบทดีเด่นกองทุนนายแพทย์กนกศักดิ์ พูลเกษร ประจำปี 2552 โดยมีแพทย์ชนบทได้รับรางวัล 3 ราย ได้แก่ 1. นพ.สมชัย พงษ์ธัญญะวิริยา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลยะหริ่ง จ.ปัตตานี ในฐานะเป็นผู้มีความอดทนมุ่งมั่นในการทำงาน มีมนุษยสัมพันธ์เข้ากับชุมชนได้ดี จนทำให้โรงพยาบาลยะหริ่งผ่านการรับรอง โรงพยาบาลคุณภาพ ( HA) 2. นพ.วิโรจน์ โรจนวัธน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสว่างแดนดิน จ.สกลนคร เป็นผู้บริหารงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต สามารถแก้ปัญหาหนี้สินของโรงพยาบาลที่มีอยู่ประมาณ 12 ล้านบาทจนผ่านพ้นวิกฤต และ3. นพ.เจริญ เสรีรัตนาคร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวารินชำราบ จ.อุบลราชธานี จากการที่เป็นนักพัฒนาและวางระบบคอมพิวเตอร์เพื่อใช้ในโรงพยาบาลอำเภอถึง 18 อำเภอ
นพ.สมชัย พงษ์ธัญญะวิริยา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลยะหริ่ง จ.ปัตตานี กล่าวว่า รางวัลที่ได้รับถือเป็นกำลังใจในการทำงานให้แพทย์ที่อยู่ในชนบท ซึ่งปัตตานีถือเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยไม่มีแพทย์อยากอยู่เพราะเกรงอันตรายแต่ตนเองเป็นคนปัตตานี เมื่อสำเร็จการศึกษาแพทยศาสตร์จากมหาวิทยาลัยมหิดลเมื่อปี 2533 จึงตัดสินใจรับราชการที่ จ.ปัตตานีและปฏิบัติงานในพื้นที่นี้มาตลอด 19 ปี โดยเน้นให้ประชาชนได้รับบริการที่มีคุณภาพแม้จะอยู่ในพื้นที่ห่างไกล รวมถึงนำวิถีชีวิตแบบมุสลิมและคนในชุมชนมาปรับใช้ในการบริการด้วย เช่น การจัดให้มีมุมอาซานในโรงพยาบาล ซึ่งคนมุสลิมจะต้องประกอบพิธีหลังจากเด็กคลอดใหม่ และนำบทบัญญัติเรื่องความสะอาดมาปรับใช้ในการส่งเสริมสุขภาพประชาชนโดยผ่านผู้นำศาสนา
“ขณะนี้การทำงานในพื้นที่แตกต่างจากในอดีตอย่างสิ้นเชิง ในปี 2533 แม้จะมีความขาดแคลนในเรื่องต่างๆอยู่มาก แต่สถานการณ์ความรุนแรงไม่เหมือนปัจจุบัน อดีตเป็นการจับคนเรียกค่าไถ่และเผาโรงเรียนเปลี่ยนเป็นการเอาชีวิตด้วยการยิงและวางระเบิด จากเดิมสามารถเดินทางได้ในเวลากลางคืน หรือปฏิบัติงานจนถึงตี 2 ก็เดินทางกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย ขณะที่ทุกวันนี้เมื่อเริ่มค่ำก็ต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น บุคลากรที่ทำงานส่วนใหญ่เป็นคนในพื้นที่ และมีความหวาดกลัวแต่ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท” นพ.สมชัย กล่าว
ขณะที่ นพ.เจริญ เสรีรัตนาคร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวารินชำราบ จ.อุบลราชธานี กล่าวว่า การเป็นแพทย์ชนบทหรือทำงานในชนบทไม่ใช่เป็นอุดมการณ์แต่อย่างใด แต่เป็นสิ่งที่ท้าทาย เมื่อศึกษาจบก็เพียงคิดว่าเป็นแพทย์ต้องช่วยเหลือดูแลคนไข้ โดยไม่คิดถึงว่าจะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญ ต้องร่ำรวย หรืออยู่ในโรงพยาบาลใหญ่ เพราะอยู่ในโรงพยาบาลอำเภอก็มีความสุขสบายดีและความคิดนี้ทำให้ทำงานในพื้นที่ตั้งแต่จบมาถึงวันนี้เป็นเวลา 25 ปี
“อยากฝากถึงน้องนักศึกษาที่จบใหม่ที่อาจวิตกกังวลต่างๆ เช่น กลัวรายได้ไม่ดี กลัวเป็นแพทย์ชั้นสอง กลัวถ้าอายุมากขึ้นแล้วลูกเต้าไม่ได้เรียนโรงเรียนดีๆ แต่ส่วนตัวแล้วไม่มีอะไรน่ากลัว เพราะขณะนี้บ้านเมืองเจริญไปมาก ไม่มีอะไรลำบากเช่นในอดีตอีกแล้ว อีกทั้งอยู่ในที่นี่ก็มีความสุขสบายดี” นพ.เจริญ กล่าว
ด้าน นพ.วิโรจน์ วิโรจน์วัธน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสว่างแดนดิน จ.สกลนคร กล่าวว่า สาเหตุที่ได้รับรางวัลคงไม่ใช่เพราะเก่งแต่เป็นเพราะการปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่มีเล่ห์ ไม่โกหก เรียนรู้ว่าหากปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ปัญหาอุปสรรคที่มีอยู่จากเรื่องยากก็จะกลายเป็นเรื่องง่าย เช่นเดียวกับการบริหารงานหาก เน้นให้ความประหยัดและความโปร่งใสให้เจ้าหน้าที่ทุกระดับเข้าใจการทำงาน หนี้สินที่โรงพยาบาลมีอยู่ 12 ล้าน ก็ค่อยๆหมดไป
นพ.วิโรจน์ กล่าวด้วยว่า ระบบการศึกษาด้านแพทยศาสตร์เป็นการมุ่งรักษาทางกายมาก แต่สิ่งจำเป็นที่ต้องมีด้วยคือมีความใส่ใจในทักษะความเป็นแพทย์ ทักษะการสื่อสารกับผู้รับบริการ แพทย์หลายคนมีความรู้ความสามารถเก่ง แต่ไม่สามารถสื่อสารให้ผู้รับบริการทราบว่าต้องการสื่อสารอะไร หรือไม่ทราบว่าผู้รับบริการต้องการบอกอะไร รวมทั้งการที่การศึกษาแพทย์ต้องเรียนกับร่างกายมนุษย์ อาจมองว่าเป็นเพียงวัตถุ แต่ความเป็นจริงแล้ว มนุษย์มีความรัก มีความทุกข์ อยากให้แพทย์รู้สึกในส่วนนี้ลึกซึ้งเมื่อทำงานมากขึ้น หากทำได้เช่นนี้ปัญหาการฟ้องร้องระหว่างแพทย์และผู้ป่วยจะลดลง เพราะผู้รับบริการจะเข้าใจว่าแพทย์ดูแลด้วยจิตวิญญาณไม่ใช่รู้สึกว่าทำเพียงแค่เอาสารเคมีมาใช้กับร่างกาย แพทย์ต้องดูแลมนุษย์ ไม่ใช่คน ไม่ใช่โรค