“ธีระชน” ยกปรับภูมิทัศน์สนามหลวงเป็นวาระแห่งชาติ “Pilot Project” แบ่ง 16 ประเภท ปัญหาที่พบในพื้นที่และโดยรอบ ส่งมาตรการระยะสั้นพูดคุยฟังความคิดเห็น จัดหาเสื้อผ้า อาหาร จุดอาบน้ำ รถสุขาเคลื่อนที่ ให้ประเดิมครั้งแรก 15 ก.ย.นี้ ขณะที่ระยะยาวจัดทำโรดแมปพัฒนาพื้นที่ให้ธรรมศาสตร์เป็นศูนย์ประสานงาน
นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการปรับปรุงภูมิทัศน์ สภาพแวดล้อม และปัญหาสังคมรอบพื้นที่สนามหลวง ว่า ที่ประชุมได้มีการกำหนดสภาพปัญหาออกเป็น 16 กลุ่มด้วยกัน อาทิ กลุ่มผู้ตกงาน กลุ่มผู้ที่ไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน กลุ่มครอบครัวเร่ร่อน กลุ่มเด็กเร่ร่อน ผู้ที่เป็นโรคสมองเสื่อม ติดยาเสพติด ผู้ถูกทอดทิ้งไม่มีครอบครัว ไม่มีบ้าน กลุ่มขายบริการทางเพศ กลุ่มผู้มีอิทธิพลและอยากมีอิทธิพล กลุ่มผู้พ้นโทษ กลุ่มหาบเร่แผงลอย เป็นต้น ซึ่งจะมีการตั้งคณะทำงานเพื่อมารับผิดชอบในแต่ละกลุ่ม และมีการกำหนดมีการมาตรการแก้ไขปัญหาระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ทั้งคณะทำงานชุดใหญ่และชุดย่อยตามกลุ่มต่างๆ ซึ่งจะมาจากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน องค์กร มูลนิธิต่างๆ
สำหรับมาตรการระยะสั้นในวันอังคารที่ 15 กันยายนนี้ ทางคณะทำงานจะลงพื้นที่เข้าไปพูดคุยสอบถามความเห็นกับผู้เร่ร่อน ลงทะเบียนเพื่อคัดกรองและแบ่งกลุ่ม เพราะคนเดียวอาจจะมีปํญหาถึง 3 เรื่องก็ได้ เช่น ไม่บัตรประจำตัวประชาชนจึงตกงานและไม่มีบ้านอยู่ รวมถึงนำเสื้อผ้า อาหารไปมอบให้ จัดให้มีจุดอาบน้ำ จุดจอดรถสุขาเคลื่อนที่บริเวณอนุสาวรีย์ทหารอาสา คลองหลอด และกลางท้องสนามหลวง มีการรณรงค์ไม่ให้ท้องขยะ
นอกจากนี้ ในการแก้ไขปัญหานกพิราบนั้น ทางกรมปศุสัตว์และสมาคมนกพิราบจะประสานพื้นที่ที่จะนำนกพิราบไปปล่อย เช่น ที่ จ.ราชบุรี หรือ กาญจนบุรี ซึ่งจะต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้มูลนิธิพิทักษ์สัตว์ หรือองค์กรที่เกี่ยวข้องมีความเข้าใจก่อนที่จะเริ่ม เนื่องจากเกรงว่าจะมีปัญหาตามมา
นายธีระชน กล่าวอีกว่า ส่วนระยะกลางจะมีการกำหนดแผนปฏิบัติการขึ้นมา ขณะที่การแก้ไขปัญหาระยะยาวจะต้องมีการแก้ไขกฎหมายซึ่งอาจจะออกเป็นพระราชบัญญัติโดยกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จะเป็นเจ้าภาพในเรื่องดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ทางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) จะจัดให้มีข้อมูลงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง แนวทางแก้ไข รวมทั้งมีการจัดสร้างโรดแมปเพื่อดำรงรักษาพื้นที่หลังจากแก้ไขปัญหาระยะสั้น ระยะกลางเสร็จเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งให้ มธ.และเขตพระนคร เป็นศูนย์ประสานงาน ในการแก้ไขปัญหาโดยที่ประชุมจะจัดให้มีการประชุมไขทุกเดือนเพื่อติดตามความคืบหน้าในการดำเนินงาน และกำหนดแผนปฏิบัติการ
“คนที่มาอยู่สนามหลวงบางคนขาดโอกาสทางสังคม เช่น ไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน เราก็ต้องจัดหาให้โดยมหาดไทยจะเป็นฝ่ายรับผิดชอบ ซึ่งกลุ่มที่แก้ปัญหาได้กลุ่มแรก คือ คนหางานที่กระทรวงแรงงานรับได้เลย ส่วนที่เหลือยากทั้งนั้นก็จะค่อยดำเนินการซึ่งตอนนี้จำนวนคนเร่ร่อนยังเท่าเดิมแต่ผู้ค้ามีจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม วาระนี้ถือเป็นวาระแห่งชาติ เพราะที่ผ่านมา ผู้ว่าฯที่มาจากการเลือกตั้งและรัฐบาลต่างอยู่กันคนละพรรคการเมือง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่อยู่พรรคเดียวกัน ซึ่งกระทรวงต่างๆ ได้ให้ความร่วมมือ ดังนั้น สนามหลวงถือเป็น Pilot Project ถ้าทำสำเร็จน่าจะกระจายไปพื้นที่อื่นๆ ได้ เช่น ที่หัวลำโพง ตลอดจนทั่วประเทศ ” นายธีระชน กล่าวและว่า นอกจากนี้ พระพยอม กัลยาโณ ได้เสนอช่วยเหลือด้านแรงงาน โดยยินดีที่จะรับคนตกงานไปทำงานที่สาขาวัดสวนแก้วอีกด้วย ส่วนมาตรการทางกฎหมายจะเป็นมาตรการสุดท้ายที่เราจะใช้
นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการปรับปรุงภูมิทัศน์ สภาพแวดล้อม และปัญหาสังคมรอบพื้นที่สนามหลวง ว่า ที่ประชุมได้มีการกำหนดสภาพปัญหาออกเป็น 16 กลุ่มด้วยกัน อาทิ กลุ่มผู้ตกงาน กลุ่มผู้ที่ไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน กลุ่มครอบครัวเร่ร่อน กลุ่มเด็กเร่ร่อน ผู้ที่เป็นโรคสมองเสื่อม ติดยาเสพติด ผู้ถูกทอดทิ้งไม่มีครอบครัว ไม่มีบ้าน กลุ่มขายบริการทางเพศ กลุ่มผู้มีอิทธิพลและอยากมีอิทธิพล กลุ่มผู้พ้นโทษ กลุ่มหาบเร่แผงลอย เป็นต้น ซึ่งจะมีการตั้งคณะทำงานเพื่อมารับผิดชอบในแต่ละกลุ่ม และมีการกำหนดมีการมาตรการแก้ไขปัญหาระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ทั้งคณะทำงานชุดใหญ่และชุดย่อยตามกลุ่มต่างๆ ซึ่งจะมาจากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน องค์กร มูลนิธิต่างๆ
สำหรับมาตรการระยะสั้นในวันอังคารที่ 15 กันยายนนี้ ทางคณะทำงานจะลงพื้นที่เข้าไปพูดคุยสอบถามความเห็นกับผู้เร่ร่อน ลงทะเบียนเพื่อคัดกรองและแบ่งกลุ่ม เพราะคนเดียวอาจจะมีปํญหาถึง 3 เรื่องก็ได้ เช่น ไม่บัตรประจำตัวประชาชนจึงตกงานและไม่มีบ้านอยู่ รวมถึงนำเสื้อผ้า อาหารไปมอบให้ จัดให้มีจุดอาบน้ำ จุดจอดรถสุขาเคลื่อนที่บริเวณอนุสาวรีย์ทหารอาสา คลองหลอด และกลางท้องสนามหลวง มีการรณรงค์ไม่ให้ท้องขยะ
นอกจากนี้ ในการแก้ไขปัญหานกพิราบนั้น ทางกรมปศุสัตว์และสมาคมนกพิราบจะประสานพื้นที่ที่จะนำนกพิราบไปปล่อย เช่น ที่ จ.ราชบุรี หรือ กาญจนบุรี ซึ่งจะต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้มูลนิธิพิทักษ์สัตว์ หรือองค์กรที่เกี่ยวข้องมีความเข้าใจก่อนที่จะเริ่ม เนื่องจากเกรงว่าจะมีปัญหาตามมา
นายธีระชน กล่าวอีกว่า ส่วนระยะกลางจะมีการกำหนดแผนปฏิบัติการขึ้นมา ขณะที่การแก้ไขปัญหาระยะยาวจะต้องมีการแก้ไขกฎหมายซึ่งอาจจะออกเป็นพระราชบัญญัติโดยกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จะเป็นเจ้าภาพในเรื่องดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ทางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) จะจัดให้มีข้อมูลงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง แนวทางแก้ไข รวมทั้งมีการจัดสร้างโรดแมปเพื่อดำรงรักษาพื้นที่หลังจากแก้ไขปัญหาระยะสั้น ระยะกลางเสร็จเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งให้ มธ.และเขตพระนคร เป็นศูนย์ประสานงาน ในการแก้ไขปัญหาโดยที่ประชุมจะจัดให้มีการประชุมไขทุกเดือนเพื่อติดตามความคืบหน้าในการดำเนินงาน และกำหนดแผนปฏิบัติการ
“คนที่มาอยู่สนามหลวงบางคนขาดโอกาสทางสังคม เช่น ไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน เราก็ต้องจัดหาให้โดยมหาดไทยจะเป็นฝ่ายรับผิดชอบ ซึ่งกลุ่มที่แก้ปัญหาได้กลุ่มแรก คือ คนหางานที่กระทรวงแรงงานรับได้เลย ส่วนที่เหลือยากทั้งนั้นก็จะค่อยดำเนินการซึ่งตอนนี้จำนวนคนเร่ร่อนยังเท่าเดิมแต่ผู้ค้ามีจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม วาระนี้ถือเป็นวาระแห่งชาติ เพราะที่ผ่านมา ผู้ว่าฯที่มาจากการเลือกตั้งและรัฐบาลต่างอยู่กันคนละพรรคการเมือง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่อยู่พรรคเดียวกัน ซึ่งกระทรวงต่างๆ ได้ให้ความร่วมมือ ดังนั้น สนามหลวงถือเป็น Pilot Project ถ้าทำสำเร็จน่าจะกระจายไปพื้นที่อื่นๆ ได้ เช่น ที่หัวลำโพง ตลอดจนทั่วประเทศ ” นายธีระชน กล่าวและว่า นอกจากนี้ พระพยอม กัลยาโณ ได้เสนอช่วยเหลือด้านแรงงาน โดยยินดีที่จะรับคนตกงานไปทำงานที่สาขาวัดสวนแก้วอีกด้วย ส่วนมาตรการทางกฎหมายจะเป็นมาตรการสุดท้ายที่เราจะใช้
