ทั้งล้างมือ ทั้งลูบเจล ทั้งปิดจมูก...
ทำถึงขนาดนี้ แต่ยังมีช่องทางสำคัญที่นำเชื้อโรคเข้าถึงเนื้อถึงตัว แต่กลับถูกมองข้าม
มันคือ “โทรศัพท์มือถือ”...อุปกรณ์คู่กายคนทั่งโลกนั่นเอง
ลองนึกภาพการใช้งานโทรศัพท์มือถือในยุคที่ใครๆ ต่างต้องเฝ้าระวังเชื้อโรคร้ายๆ ที่ติดต่อทางน้ำลายของเหลว แล้วจะพบว่า นี่คือแหล่งรับเชื้อสู่ตัวที่สำคัญ เสมือนสู้ศึกที่อุตส่าห์ไว้วางใจ แต่กลับมาแว้งกัดเอาได้
ทั้งเหงื่อ น้ำลาย สิ่งสกปรกที่หยิบจับมาจากที่ต่างๆ ต่างมารวมกันอยู่ แม้ไปล้างมือให้สะอาดสะอ้านแต่เมื่อหยิบจับโทรศัพท์มือถือ สิ่งสกปรกและเชื้อโรคที่ตกค้างก็อาจหวนกลับคืนสู่มือ อีกทั้งไปสัมผัสหู ใบหน้า ริมฝีปากได้ต่อไป
ภัยจากการแพร่เชื้อโรคผ่านโทรศัพท์มือถือนี้เป็นที่รับรู้กันในแวดวงการแพทย์และสาธารณสุขมาก่อนแล้ว
ในบทความวิชาการชิ้นหนึ่ง นักวิทยาศาสตร์อินเดีย เปิดเผยว่า โทรศัพท์มือถือของบุคลากรตามสถานพยาบาลได้กลายเป็นตัวการพาหะนำโรค ติดต่อแพร่หลายออกไป โดยนักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยแพทย์กัสเทอร์บา ที่เมืองบังกะลอร์ กล่าวว่า “โทรศัพท์มือถือ ตลอดจนคอมพิวเตอร์ขนาดพกพาและคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ที่ใช้งานกันในโรงพยาบาลที่วุ่นวายหลายแห่งไม่เพียงแต่ถ่ายทอดข้อมูลให้กันและกันเท่านั้น หหากยังช่วยแพร่เชื้อโรคระหว่างบุคลากรที่ปฏิบัติงานในองค์กรนั้นด้วย”
“ด้วยเหตุที่อุปกรณ์เหล่านี้ต่างได้รับเชื้อโรคจากมือของคนต่างๆ และยิ่งไม่ระมัดระวังกันด้วยแล้ว ในแผนกคนไข้ฉุกเฉินหรือในห้องผ่าตัด ก็อาจจะเป็นแหล่งแพร่เชื้อให้กับคนไข้ด้วย ดีไม่ดีด้วยนำมือของบุคลากรเหล่านี้อาจกลายเป็นผู้แพร่โรคให้กับชุมชนเสียเองก็ได้”
พวกเขาเปิดเผยว่า จากการศึกษาด้วยการเก็บตัวอย่างจากโทรศัพท์มือถือ และจากมือของพนักงานในสถานพยาบาล รวม 30 ตัวอย่าง ปรากฏว่า ได้พบเชื้อแบคทีเรีย สตาฟีโลค็อกโค ถึงร้อยละ 40 ของตัวอย่างแบคทีเรียพวกนี้มีอยู่ ตามผิวหนังหรือภายในจมูกของคนปกติ ซึ่งหากเข้าสู่ร่างกายทางแผล หรือรอยถลอกได้อาจจะก่อให้เกิดการอักเสบอย่างอ่อนหรืออย่างรุนแรงขึ้นได้
ก่อนหน้านี้ ก็เคยมีการศึกาาทำนองเดียวกันที่โรงพยาบาลโซโรกา ในอิสราเอล พบว่าโทรศัพท์มือถือ ของหมอและพยาบาล จำนวนถึงร้อยละ 12 มีเชื้อแบคทีเรียดื้อยาชนิดหนึ่ง ซึ่งอาจจะทำให้คนไข้หนักเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ จนโรงพยาบาลแห่งนั้นต้องมีคำสั่งห้ามนำโทรศัพท์มือถือ เข้าไปในอาคารรักษาพยาบาลคนไข้
นี่คือ อีกจุดเสี่ยงที่ผู้เป็นเจ้าของต้องใส่ใจหาวิธีดูแลโดยด่วน
ที่มา : www.hiso.or.th
ทำถึงขนาดนี้ แต่ยังมีช่องทางสำคัญที่นำเชื้อโรคเข้าถึงเนื้อถึงตัว แต่กลับถูกมองข้าม
มันคือ “โทรศัพท์มือถือ”...อุปกรณ์คู่กายคนทั่งโลกนั่นเอง
ลองนึกภาพการใช้งานโทรศัพท์มือถือในยุคที่ใครๆ ต่างต้องเฝ้าระวังเชื้อโรคร้ายๆ ที่ติดต่อทางน้ำลายของเหลว แล้วจะพบว่า นี่คือแหล่งรับเชื้อสู่ตัวที่สำคัญ เสมือนสู้ศึกที่อุตส่าห์ไว้วางใจ แต่กลับมาแว้งกัดเอาได้
ทั้งเหงื่อ น้ำลาย สิ่งสกปรกที่หยิบจับมาจากที่ต่างๆ ต่างมารวมกันอยู่ แม้ไปล้างมือให้สะอาดสะอ้านแต่เมื่อหยิบจับโทรศัพท์มือถือ สิ่งสกปรกและเชื้อโรคที่ตกค้างก็อาจหวนกลับคืนสู่มือ อีกทั้งไปสัมผัสหู ใบหน้า ริมฝีปากได้ต่อไป
ภัยจากการแพร่เชื้อโรคผ่านโทรศัพท์มือถือนี้เป็นที่รับรู้กันในแวดวงการแพทย์และสาธารณสุขมาก่อนแล้ว
ในบทความวิชาการชิ้นหนึ่ง นักวิทยาศาสตร์อินเดีย เปิดเผยว่า โทรศัพท์มือถือของบุคลากรตามสถานพยาบาลได้กลายเป็นตัวการพาหะนำโรค ติดต่อแพร่หลายออกไป โดยนักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยแพทย์กัสเทอร์บา ที่เมืองบังกะลอร์ กล่าวว่า “โทรศัพท์มือถือ ตลอดจนคอมพิวเตอร์ขนาดพกพาและคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ที่ใช้งานกันในโรงพยาบาลที่วุ่นวายหลายแห่งไม่เพียงแต่ถ่ายทอดข้อมูลให้กันและกันเท่านั้น หหากยังช่วยแพร่เชื้อโรคระหว่างบุคลากรที่ปฏิบัติงานในองค์กรนั้นด้วย”
“ด้วยเหตุที่อุปกรณ์เหล่านี้ต่างได้รับเชื้อโรคจากมือของคนต่างๆ และยิ่งไม่ระมัดระวังกันด้วยแล้ว ในแผนกคนไข้ฉุกเฉินหรือในห้องผ่าตัด ก็อาจจะเป็นแหล่งแพร่เชื้อให้กับคนไข้ด้วย ดีไม่ดีด้วยนำมือของบุคลากรเหล่านี้อาจกลายเป็นผู้แพร่โรคให้กับชุมชนเสียเองก็ได้”
พวกเขาเปิดเผยว่า จากการศึกษาด้วยการเก็บตัวอย่างจากโทรศัพท์มือถือ และจากมือของพนักงานในสถานพยาบาล รวม 30 ตัวอย่าง ปรากฏว่า ได้พบเชื้อแบคทีเรีย สตาฟีโลค็อกโค ถึงร้อยละ 40 ของตัวอย่างแบคทีเรียพวกนี้มีอยู่ ตามผิวหนังหรือภายในจมูกของคนปกติ ซึ่งหากเข้าสู่ร่างกายทางแผล หรือรอยถลอกได้อาจจะก่อให้เกิดการอักเสบอย่างอ่อนหรืออย่างรุนแรงขึ้นได้
ก่อนหน้านี้ ก็เคยมีการศึกาาทำนองเดียวกันที่โรงพยาบาลโซโรกา ในอิสราเอล พบว่าโทรศัพท์มือถือ ของหมอและพยาบาล จำนวนถึงร้อยละ 12 มีเชื้อแบคทีเรียดื้อยาชนิดหนึ่ง ซึ่งอาจจะทำให้คนไข้หนักเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ จนโรงพยาบาลแห่งนั้นต้องมีคำสั่งห้ามนำโทรศัพท์มือถือ เข้าไปในอาคารรักษาพยาบาลคนไข้
นี่คือ อีกจุดเสี่ยงที่ผู้เป็นเจ้าของต้องใส่ใจหาวิธีดูแลโดยด่วน
ที่มา : www.hiso.or.th
