ที่ประชุม ก.ค.ศ.เห็นควรตั้งคณะทำงานปรับหลักเกณฑ์คัดเลือกผู้ทรงคุณวุฒิ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา มอบ “รศ.ดร.สุขุม” ดำเนินการใน 10 วัน ด้านเลขาฯ ก.ค.ศ.เผยที่ประชุมไม่อนุมัติให้ข้าราชการครู 17 ราย เลื่อนวิทยฐานะเป็นครูเชี่ยวชาญพิเศษ ผู้อำนวยการเชี่ยวชาญพิเศษ และศึกษานิเทศก์เชี่ยวชาญพิเศษ เหตุไม่ผ่านเกณฑ์ พร้อมให้กลับไปเริ่มกระบวนการใหม่
วันนี้ (31 ส.ค.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ก.ค.ศ.) ว่า ที่ประชุมเห็นควรให้มีการตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาปรับหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกผู้ทรงคุณวุฒิคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) ในเขตพื้นที่การศึกษา ให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้นตามที่คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เสนอ โดยที่ประชุมได้มอบให้คณะกรรมการติดตามดูแลการสรรหาและการเลือกตั้งผู้แทนใน อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา และ อ.ก.ค.ศ.ส่วนราชการ ซึ่งมี รศ.ดร.สุขุม เฉลยทรัพย์ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต เป็นประธาน ดำเนินการให้เสร็จใน 10 วัน ทั้งนี้ เพื่อให้ได้มาซึ่งผู้ทรงคุณวุฒิเป็นองค์ประกอบสำคัญใน อ.ก.ค.ศ. จำนวน 4 คน โดย 1 ใน 4 นี้จะต้องเป็นประธาน อ.ก.ค.ศ.ในแต่ละเขตพื้นที่การศึกษา ซึ่งจะมีทั้งสิ้น 12 คน แบ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ 4 คน ผู้แทนครู 5 คน ที่เหลือเป็นผู้แทนจาก ก.ค.ศ.ผู้แทนจากคุรุสภา โดยมี ผอ.เขตพื้นที่การศึกษาเป็นเลขานุการ รวมทั้งสิ้น 12 คน
“หลังจากคณะกรรมการชุดของ รศ.ดร.สุขุม ได้ข้อสรุปจะรายงานกลับมายัง ก.ค.ศ.เพื่อพิจารณาต่อไป ซึ่งหวังว่า การปรับหลักเกณฑ์ครั้งนี้จะทำให้ได้ตัวแทนผู้ทรงคุณวุฒิใน อ.ก.ค.ศ.ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมยิ่งขึ้น รวมทั้งจะได้ลงลึกไปในรายละเอียดคุณสมบัติของผู้ที่สมควรมาเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ เช่น หากเป็นผู้ที่เคยถูกลดขั้นเงินเดือน หรือถูกลงโทษบางกรณีสามารถได้รับคัดเลือกเป็นผู้ทรงคุณวุฒิหรือไม่ ซึ่งประเด็นเหล่านี้เคยเป็นที่ถกเถียงกันมาก ดังนั้นคณะอนุกรรมการจะต้องไปพิจารณาประเด็นเหล่านี้ให้ครบถ้วน” รมว.ศธ.กล่าว
ด้าน นายประเสริฐ งามพันธุ์ เลขาธิการ ก.ค.ศ.กล่าวว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้พิจารณา การให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเลื่อนวิทยฐานะเป็นครูเชี่ยวชาญพิเศษ ผู้อำนวยการเชี่ยวชาญพิเศษ และศึกษานิเทศก์เชี่ยวชาญพิเศษ จำนวนทั้งสิ้น 17 ราย โดยไม่อนุมัติให้เลื่อนวิทยฐานะ ตามที่สำนักงาน ก.ค.ศ.เสนอ เนื่องจากไม่ผ่านเกณฑ์ตามที่กำหนด โดยให้กลับไปเริ่มกระบวนการใหม่ เพราะวิทยฐานะเชี่ยวชาญพิเศษถือเป็นวิทยฐานะชั้นสูงสุดของครูและบุคลากรทางการศึกษา จึงจำเป็นต้องเข้มในการพิจารณาอนุมัติ
วันนี้ (31 ส.ค.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ก.ค.ศ.) ว่า ที่ประชุมเห็นควรให้มีการตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาปรับหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกผู้ทรงคุณวุฒิคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) ในเขตพื้นที่การศึกษา ให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้นตามที่คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เสนอ โดยที่ประชุมได้มอบให้คณะกรรมการติดตามดูแลการสรรหาและการเลือกตั้งผู้แทนใน อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา และ อ.ก.ค.ศ.ส่วนราชการ ซึ่งมี รศ.ดร.สุขุม เฉลยทรัพย์ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต เป็นประธาน ดำเนินการให้เสร็จใน 10 วัน ทั้งนี้ เพื่อให้ได้มาซึ่งผู้ทรงคุณวุฒิเป็นองค์ประกอบสำคัญใน อ.ก.ค.ศ. จำนวน 4 คน โดย 1 ใน 4 นี้จะต้องเป็นประธาน อ.ก.ค.ศ.ในแต่ละเขตพื้นที่การศึกษา ซึ่งจะมีทั้งสิ้น 12 คน แบ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ 4 คน ผู้แทนครู 5 คน ที่เหลือเป็นผู้แทนจาก ก.ค.ศ.ผู้แทนจากคุรุสภา โดยมี ผอ.เขตพื้นที่การศึกษาเป็นเลขานุการ รวมทั้งสิ้น 12 คน
“หลังจากคณะกรรมการชุดของ รศ.ดร.สุขุม ได้ข้อสรุปจะรายงานกลับมายัง ก.ค.ศ.เพื่อพิจารณาต่อไป ซึ่งหวังว่า การปรับหลักเกณฑ์ครั้งนี้จะทำให้ได้ตัวแทนผู้ทรงคุณวุฒิใน อ.ก.ค.ศ.ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมยิ่งขึ้น รวมทั้งจะได้ลงลึกไปในรายละเอียดคุณสมบัติของผู้ที่สมควรมาเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ เช่น หากเป็นผู้ที่เคยถูกลดขั้นเงินเดือน หรือถูกลงโทษบางกรณีสามารถได้รับคัดเลือกเป็นผู้ทรงคุณวุฒิหรือไม่ ซึ่งประเด็นเหล่านี้เคยเป็นที่ถกเถียงกันมาก ดังนั้นคณะอนุกรรมการจะต้องไปพิจารณาประเด็นเหล่านี้ให้ครบถ้วน” รมว.ศธ.กล่าว
ด้าน นายประเสริฐ งามพันธุ์ เลขาธิการ ก.ค.ศ.กล่าวว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้พิจารณา การให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเลื่อนวิทยฐานะเป็นครูเชี่ยวชาญพิเศษ ผู้อำนวยการเชี่ยวชาญพิเศษ และศึกษานิเทศก์เชี่ยวชาญพิเศษ จำนวนทั้งสิ้น 17 ราย โดยไม่อนุมัติให้เลื่อนวิทยฐานะ ตามที่สำนักงาน ก.ค.ศ.เสนอ เนื่องจากไม่ผ่านเกณฑ์ตามที่กำหนด โดยให้กลับไปเริ่มกระบวนการใหม่ เพราะวิทยฐานะเชี่ยวชาญพิเศษถือเป็นวิทยฐานะชั้นสูงสุดของครูและบุคลากรทางการศึกษา จึงจำเป็นต้องเข้มในการพิจารณาอนุมัติ
