กองทัพไทย 3 เหล่า ทั้งทัพบก-ทัพเรือ-ทัพอากาศ-สป.-กองบัญชาการ จับมือ คณะอนุกรรมการฯหวัด 2009 สสส. จัดโครงการ “รวมพลังกองทัพไทย ต้านไข้หวัดใหญ่ 2009” ผบ.ทอ.ลั่นกำลังพล-ครอบครัว-ประชาชน ปลอดโรค กองทัพยิ่งมีประสิทธิภาพ เปิดมาตราการเข้ม ป่วยหยุดได้ ต้องโทรรายงานอาการผู้บังคับชาทุกวัน เก็บทุกข้อมูลกลุ่มเสี่ยง วิเคราะห์วันต่อวัน
วันที่ 26 สิงหาคม ที่ห้องบรรยายกองบัญชาการกองทัพอากาศ กองทัพไทย 3 เหล่าทัพ กองทัพบก กองทัพอากาศ กองทัพเรือ สำนักงานปลัดกระทรวง กองบัญชาการกองทัพไทย ร่วมกับ คณะอนุกรรมการสนับสนุนป้องกัน ควบคุม และการแก้ปัญหาการแพร่ระบาด ของไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดงาน “รวมพลังกองทัพไทย ต้านไข้หวัดใหญ่ 2009” มีผู้แทนและกำลังพลจากทุกเหล่าทัพเข้าร่วมกว่า 200 คน
โดย พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ กล่าวว่า การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ส่งผลกระทบอย่างมากมายต่อสุขภาพจิต และการดำเนินชีวิตของกำลังพลรวมถึงครอบครัว ทั้งยังสร้างความสูญเสียทั้งชีวิตและเศรษฐกิจของชาติ ความร่วมมือของกองทัพไทย และคณะอนุกรรมการฯ ในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะร่วมกันรณรงค์ป้องกันไข้หวัด 2009 จึงขอประกาศให้ทุกหน่วยงานรณรงค์เรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้กำลังพล ครอบครัว และประชาชนพื้นที่ใกล้เคียงปลอดภัยจากโรคนี้ ซึ่งจะส่งผลให้กองทัพสามารถปฏิบัติภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นพ.มงคล ณ สงขลา ประธานคณะอนุกรรมการฯ กล่าวว่า การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ยังไม่ยุติลง มีผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตเกิดขึ้นต่อเนื่อง การณรงค์ต้องเข้มข้นต่อไป โดยเฉพาะในสถานที่ที่มีประชากรอยู่รวมกันจำนวนมาก ซึ่งหน่วยงานทหารที่มีทหารกองประจำการอยู่รวมกันตลอดทั้งวัน ทำกิจกรรมร่วมกัน หลับนอนอยู่ใกล้ชิดกัน หากมีกำลังพลป่วยการแพร่ระบาดจะเกิดขึ้นได้ง่าย ดังนั้นการป้องกันจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด คณะอนุกรรมการฯ จึงร่วมกับ 3 เหล่าทัพ จัดโครงการ “รวมพลังกองทัพไทย ต้านไข้หวัดใหญ่ 2009”
นพ.มงคล กล่าวอีกว่า กองทัพไทยทั้ง 3 เหล่าทัพ มีกำลังพล 440,352 คน ครอบครัวกำลังพล 1,600,000 คน นักศึกษาวิชาทหารทั่วประเทศปีละ 3 แสนคน ผู้เกษียณอายุราชการและคู่สมรสไม่น้อยกว่า 4 หมื่นคน ประชาชนทั่วไปที่มาใช้บริการสถานพยาบาลในสังกัดกองทัพประมาณ 5 แสนคน ซึ่งมีโรงพยาบาลสังกัดกองทัพทั้งสิ้น 57 แห่ง สถานพยาบาลอีก 21 แห่ง โดย สสส.จะสนับสนุนงบให้ 3 เหล่าทัพ ประมาณ 4 ล้าน 9 แสนบาท เพื่อจัดกิจกรรมรณรงค์ป้องกันไข้หวัด 2009 โดยมีแผนดำเนินงานใน 4 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มปกติ ที่จะเน้นการจัดกิจกรรมให้ความรู้ข้อมูลข่าวสารต่อเนื่อง 2.กลุ่มเสี่ยงในหน่วยที่มีพลทหารกองประจำการ/นักเรียนทหาร อยู่รวมกันจำนวนมาก จะมีการตรวจคัดกรองวัดไข้ สอบถามอาการในช่วงเช้าของทุกวัน หากพบผู้มีอาการผิดปกติ จะแยกตัวเพื่อสังเกตอาการ หากวันที่ 2 อาการไม่ดีขึ้น จะนำส่งแพทย์ทันที
“กลุ่มที่ 3 กลุ่มที่มีอาการไม่รุนแรง เช่น มีไข้ น้ำมูกไหล ต้องใส่หน้ากากอนามัย และให้หยุดปฏิบัติงานได้ 1 สัปดาห์ ไม่ถือเป็นวันลา แต่ต้องโทรศัพท์รายงานอาการให้ผู้บังคับบัญชารับทราบทุกวัน 4.กลุ่มเสี่ยงที่มีโรคประจำตัว คนอ้วน หญิงตั้งครรภ์ ทุกหน่วยต้องคัดกรอง เพื่อให้ทราบจำนวนและดูแลอย่างใกล้ชิด โดยข้อมูลทั้งหมดจะถูกส่งมาที่ส่วนกลาง เพื่อให้ทราบสถานการณ์อยู่เสมอ ซึ่งผมมั่นใจว่าแม้จะเป็นโครงการะยะสั้นตั้งแต่เดือน ส.ค.-ธ.ค.นี้ แต่การที่กองทัพไทยให้ความสำคัญ และดำเนินการอย่างแข็งขัน จะป้องกันกำลังพลและประชาชน ให้ ปลอดภัยจากโรคร้ายได้” นพ.มงคล กล่าว
วันที่ 26 สิงหาคม ที่ห้องบรรยายกองบัญชาการกองทัพอากาศ กองทัพไทย 3 เหล่าทัพ กองทัพบก กองทัพอากาศ กองทัพเรือ สำนักงานปลัดกระทรวง กองบัญชาการกองทัพไทย ร่วมกับ คณะอนุกรรมการสนับสนุนป้องกัน ควบคุม และการแก้ปัญหาการแพร่ระบาด ของไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดงาน “รวมพลังกองทัพไทย ต้านไข้หวัดใหญ่ 2009” มีผู้แทนและกำลังพลจากทุกเหล่าทัพเข้าร่วมกว่า 200 คน
โดย พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ กล่าวว่า การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ส่งผลกระทบอย่างมากมายต่อสุขภาพจิต และการดำเนินชีวิตของกำลังพลรวมถึงครอบครัว ทั้งยังสร้างความสูญเสียทั้งชีวิตและเศรษฐกิจของชาติ ความร่วมมือของกองทัพไทย และคณะอนุกรรมการฯ ในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะร่วมกันรณรงค์ป้องกันไข้หวัด 2009 จึงขอประกาศให้ทุกหน่วยงานรณรงค์เรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้กำลังพล ครอบครัว และประชาชนพื้นที่ใกล้เคียงปลอดภัยจากโรคนี้ ซึ่งจะส่งผลให้กองทัพสามารถปฏิบัติภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นพ.มงคล ณ สงขลา ประธานคณะอนุกรรมการฯ กล่าวว่า การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ยังไม่ยุติลง มีผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตเกิดขึ้นต่อเนื่อง การณรงค์ต้องเข้มข้นต่อไป โดยเฉพาะในสถานที่ที่มีประชากรอยู่รวมกันจำนวนมาก ซึ่งหน่วยงานทหารที่มีทหารกองประจำการอยู่รวมกันตลอดทั้งวัน ทำกิจกรรมร่วมกัน หลับนอนอยู่ใกล้ชิดกัน หากมีกำลังพลป่วยการแพร่ระบาดจะเกิดขึ้นได้ง่าย ดังนั้นการป้องกันจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด คณะอนุกรรมการฯ จึงร่วมกับ 3 เหล่าทัพ จัดโครงการ “รวมพลังกองทัพไทย ต้านไข้หวัดใหญ่ 2009”
นพ.มงคล กล่าวอีกว่า กองทัพไทยทั้ง 3 เหล่าทัพ มีกำลังพล 440,352 คน ครอบครัวกำลังพล 1,600,000 คน นักศึกษาวิชาทหารทั่วประเทศปีละ 3 แสนคน ผู้เกษียณอายุราชการและคู่สมรสไม่น้อยกว่า 4 หมื่นคน ประชาชนทั่วไปที่มาใช้บริการสถานพยาบาลในสังกัดกองทัพประมาณ 5 แสนคน ซึ่งมีโรงพยาบาลสังกัดกองทัพทั้งสิ้น 57 แห่ง สถานพยาบาลอีก 21 แห่ง โดย สสส.จะสนับสนุนงบให้ 3 เหล่าทัพ ประมาณ 4 ล้าน 9 แสนบาท เพื่อจัดกิจกรรมรณรงค์ป้องกันไข้หวัด 2009 โดยมีแผนดำเนินงานใน 4 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มปกติ ที่จะเน้นการจัดกิจกรรมให้ความรู้ข้อมูลข่าวสารต่อเนื่อง 2.กลุ่มเสี่ยงในหน่วยที่มีพลทหารกองประจำการ/นักเรียนทหาร อยู่รวมกันจำนวนมาก จะมีการตรวจคัดกรองวัดไข้ สอบถามอาการในช่วงเช้าของทุกวัน หากพบผู้มีอาการผิดปกติ จะแยกตัวเพื่อสังเกตอาการ หากวันที่ 2 อาการไม่ดีขึ้น จะนำส่งแพทย์ทันที
“กลุ่มที่ 3 กลุ่มที่มีอาการไม่รุนแรง เช่น มีไข้ น้ำมูกไหล ต้องใส่หน้ากากอนามัย และให้หยุดปฏิบัติงานได้ 1 สัปดาห์ ไม่ถือเป็นวันลา แต่ต้องโทรศัพท์รายงานอาการให้ผู้บังคับบัญชารับทราบทุกวัน 4.กลุ่มเสี่ยงที่มีโรคประจำตัว คนอ้วน หญิงตั้งครรภ์ ทุกหน่วยต้องคัดกรอง เพื่อให้ทราบจำนวนและดูแลอย่างใกล้ชิด โดยข้อมูลทั้งหมดจะถูกส่งมาที่ส่วนกลาง เพื่อให้ทราบสถานการณ์อยู่เสมอ ซึ่งผมมั่นใจว่าแม้จะเป็นโครงการะยะสั้นตั้งแต่เดือน ส.ค.-ธ.ค.นี้ แต่การที่กองทัพไทยให้ความสำคัญ และดำเนินการอย่างแข็งขัน จะป้องกันกำลังพลและประชาชน ให้ ปลอดภัยจากโรคร้ายได้” นพ.มงคล กล่าว