อธิบดีกรมการแพทย์พาน้องฟ้า ป่วยเป็นโรคหัวบาตร หาหมอที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี คาดรักษาใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2 สัปดาห์ ถึง 1 เดือน ชัดสาเหตุป่วยไม่ได้มาจากวัคซีน ขณะที่แม่น้องฟ้าไม่ติดใจ รับเข้าใจผิด ดีใจที่ลูกรักษาหายได้ไม่พิการตลอดชีวิต
วันนี้ (18 ส.ค.) ที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี นพ.เรวัต วิศรุตเวช อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ได้พาตัว ด.ญ.ลิลดา บุญพราน หรือน้องฟ้า อายุ1 ปี 9 เดือน เดินไม่ได้หลังจากอนามัยเสาธงทอง อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี ได้ฉีดวัคซีนโรคคอตีบ บาดทะยัก ไอกรน 1 เข็ม และวัคซีนป้องกันโรคไข้สมองอักเสบ เมื่อ 2 เดือนก่อน มายังสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี จากการตรวจของแพทย์พบว่า สาเหตุของการเดินไม่ได้ ไม่ใช่มาจากการฉีดวัคซีนดังกล่าว แต่เกิดจากการอาการของโรคไฮโดรซีฟาลัส หรือโรคหัวบาตร ที่มีสาเหตุทั้งจากการติดเชื้อแบคทีเรีย หรือบางรายพบว่าเกิดจากพันธุกรรม
“ผลจากการเอกซเรย์พบว่า โพรงสมองของน้องฟ้าใหญ่มากกว่าปกติอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากมีน้ำในสมองเป็นจำนวนมาก และเนื้อสมองบาง ซึ่งผลมาจากน้ำในสมองมาก ทั้งนี้ได้เบียดเนื้อสมองทำให้ประสาทในการทำงานของแขนขาเกร็งและสั่น การทรงตัวจึงไม่ดี ซึ่งอาการดังกล่าวเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือวัณโรค หรือบางรายเกิดจากพันธุกรรม”นพ.เรวัต กล่าว
นพ.เรวัต กล่าวต่อว่า สำหรับแนวทางในการรักษานั้นต้องเจาะไขสันหลังเพื่อการระบายน้ำในสมองออก จากนั้นต้องให้ยาเพื่อลดการผลิตน้ำในสมอง แต่หากดำเนินการรักษาแล้วอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2 สัปดาห์ ต้องทำการใส่ชั้นที่เป็นท่อระบายน้ำจากสมองให้ลงมาที่ช่องท้องแทน ซึ่งวิธีดังกล่าวถือว่าเป็นวิธีที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย และการรักษาต้องดำเนินการหลายครั้ง อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าน้องฟ้าจะหายเป็นปกติจนสามารถเดินได้เป็นปกติ
นพ.เรวัต กล่าวว่า อัตราการเกิดของโรคดังกล่าวจะพบ 1 ต่อ หลายพันคน ทั้งนี้ในกรณีของน้องฟ้าได้มาพบแพทย์เร็ว ถือว่าเป็นเรื่องโชคดีในการที่จะพบและนำตัวไปรักษาได้โดยเร็ว เพราะหากปล่อยให้อาการลุกลามจะทำให้หัวเด็กโตแขนขาลีบได้ในที่สุด จึงอยากให้ผู้ปกครองช่วยสังเกตบุตรหลานว่ามีอาการเกร็งกล้ามเนื้อ จนไม่สามารถใช้ชีวิตปกติได้ ให้รีบมาพบแพทย์ตรวจโดยเร็ว
ด้าน นพ.สมจิต ศรีอุดมขจร แพทย์ระบบประสาท กุมารเวชศาสตร์ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี แพทย์เจ้าของไข้น้องฟ้า กล่าวว่า อาการล่าสุดของน้องฟ้าหลังเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลดีขึ้น อาการเกร็งที่ขาและปลายเท้าทั้ง 2 ข้าง และการอ่อนแรงที่ปลายเท้าดีขึ้น เด็กสามารถนั่งได้ รวมถึงก่อนหน้านี้มีอาการสั่นมากกว่านี้ด้วย สำหรับการรักษานั้น คาดว่าต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลไม่ต่ำกว่า 2 สัปดหาหรือ 1 เดือน
นพ.สมจิต กล่าวต่อว่า การป่วยของน้องฟ้าไม่ได้เกิดจากการรับวัคซีนรวมทั้งวัคซีนไม่มีผลกระตุ้นรอยโรคให้เกิดอาการแต่เนื่องจากเด็กมีภาวะน้ำในสมองมากอยู่ก่อนแล้ว แม้ว่าเด็กไม่ได้เป็นโรคนี้มาแต่กำเนิด แต่เกิดจากการติดเชื้อในภายหลังได้ หากทิ้งไว้นานไม่ได้รับการดูแลรักษาอาจส่งผลต่อพัฒนาการของเด็ก ส่วนกรณีที่เด็กได้รับวัคซีนแล้วเกิดผลแทรกซ้อนมีน้อยมาก โอกาสเกิดได้หนึ่งในล้าน ทั้งนี้วัคซีนที่ฉีดสำหรับเด็กถือว่ามีประโยชน์คุ้มค่ามากกว่าในการป้องกันโรค
นางสังวาลย์ สารีผล มารดาของน้องฟ้า กล่าวว่า ไม่รู้สึกติดใจถึงสาเหตุที่ทำให้น้องฟ้าเดินไม่ได้อีกแล้ว เนื่องจากในตอนแรกเข้าใจผิดว่าเป็นเพราะการฉีดวัคซีน แต่หลังจากที่แพทย์ชี้แจงให้ฟังก็เข้าใจ และรู้สึกดีใจที่แพทย์บอกว่าหลังจากรักษาแล้วจะหาย เพราะที่ผ่านมากังวลว่าลูกจะพิการไปตลอดชีวิต
“ขอบคุณแพทย์ทุกคนมากที่ให้การช่วยเหลือ และอยากให้รัฐบาลมาช่วยเหลือในส่วนของค่าใช้จ่ายในการเดินทาง แม้ว่าค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดนั้นจะใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ” นางสังวาลย์ กล่าว