วงการแพทย์จับตางบเมกะโปรเจกต์ สธ.3 หมื่นล้าน ใช้งบประมาณเรี่ยราด ไร้ประโยชน์ ไม่เหมาะสม แฉจัดซื้อเครื่องช่วยหายใจแจกโรงพยาบาลชุมชนทั้งที่ไม่จำเป็น เพราะไม่มีไอซียู ไม่มีคนไข้หนัก
พญ.เชิดชู อริยศรีวัฒนา ประธานสมาพันธ์ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวถึงงบประมาณในโครงการ เมกะโปรเจกต์ ของกระทรวงสาธารณสุข จำนวน 30,000 ล้านบาท ว่า ขณะนี้กำลังเกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์ในวงการแพทย์ว่า
อาจจะมีการใช้งบประมาณไปอย่างไม่เหมาะสม ไม่สอดคล้องกับสภาพปัญหาและความต้องการของประชาชน เนื่องจากมีบางโครงการที่เริ่มจะมีการเขียนแผนการใช้งบประมาณแล้ว เช่น โครงการสร้างตึกของโรงพยาบาลต่างๆ หลายแห่ง โครงการจัดซื้อเครื่องช่วยหายใจ 1,500 เครื่อง งบประมาณไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านบาท เพื่อแจกจ่ายไปถึงโรงพยาบาลชุมชน ซึ่งรพ.ชุมชนหลายแห่งไม่มีห้องไอซียู และไม่ได้รักษาผู้ป่วยหนัก ไม่มีความจำเป็นต้องมีเครื่องช่วยหายใจ หากมีการจัดซื้อ ก็จะถูกนำไปตั้งทิ้งไว้โดยไม่ได้ใช้งาน ทำให้เสียเงินงบประมาณแผ่นดินไปโดยไม่สมควร ควรจะนำเงินเหล่านั้น ไว้ใช้ในสิ่งที่เหมาะสมกว่า
“ขณะนี้ใน สธ.ทั้งนักการเมืองและข้าราชการประจำ กำลังวางแผนที่จะทำโครงการใหญ่ๆ เพื่อจะส่งเสริมนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และการจะใช้จ่ายเงินมากๆ เพื่อทำโครงการใหญ่ๆให้สมกับคำว่าเมกะโปรเจกต์ ก็คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการสร้างตึก เพราะนายกรัฐมนตรีเองก็ให้สัมภาษณ์ว่า ไปโรงพยาบาลต่างจังหวัดทีไร ก็พบว่าผู้ป่วยต้องนอนตามระเบียงตึก เพราะในตึกไม่มีเตียงนอนแล้ว” พญ.เชิดชู กล่าว
พญ.เชิดชู กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ยังมีโครงการซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ที่ทันสมัยราคาแพงแจกตามโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศ โดยส่วนกลาง คือ สำนักงานปลัดกระทรวงเป็นผู้วางแผนและกำหนดคุณลักษณะเฉพาะ เหมือนกันทั่วประเทศ โดยให้เหตุผลว่า การรวมกันซื้อเป็นจำนวนมากจะทำให้ได้ราคาถูก แต่ในความเป็นจริงแล้ว โรงพยาบาลแต่ละแห่งต่างก็มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่สามารถใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีได้ไม่เหมือนกัน
“ที่ผ่านมา เคยมีการสั่งซื้อเครื่องตรวจหัวใจที่เรียกว่า exercise stress test ที่ให้ผู้ที่จะทดสอบวิ่งบนสายพาน และมีอุปกรณ์ที่จะประมวลผลการทำงานของหัวใจได้ว่ามีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจขาดเลือดหรือไม่ ผู้ที่จะแปลผลได้คือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคหัวใจ (cardiologist) แต่สำนักงานปลัดกระทรวงสธ.ได้สั่งซื้อเครื่องมือดังกล่าวแจกไปทั่วประเทศ แม้ว่าบางโรงพยาบาลที่ไม่มีแพทย์โรคหัวใจ ก็นำเครื่องมือพิเศษราคาแพงนี้ ไปให้ผู้ป่วยธรรมดาวิ่งออกกำลังกายเหมือนเครื่องมือนี้เป็นลู่วิ่งธรรมดาๆ ที่ราคาถูก คือเอาของราคาแพงไปใช้อย่างไม่คุ้มค่า” พญ.เชิดชู กล่าว
พญ.เชิดชู กล่าวด้วยว่า ขอให้จับตาโครงการที่จะสั่งซื้อวัคซีนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 อีก 2 ล้านโดส ซี่งเป็นเงินไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท การเตรียมซื้อยาต้านไวรัส เพื่อรองรับการระบาดของไข้หวัดใหญ่ รวมทั้งการเตรียมการก่อสร้าง โครงการพัฒนาสถานีอนามัยอีก 1,500 แห่ง ให้เป็นโรงพยาบาลตำบล ที่มีการรักษาแบบทางไกล ที่คาดว่าจะต้องใช้งบประมาณในการจัดซื้อจัดจ้างอีกหลายพันล้านบาท