กรมศิลป์ ทุ่มงบไทยเข้มแข็ง 256 ล้านบาท ลุยปรับภูมิทัศน์อุทยานฯ อยุธยา มั่นใจมรดกโลกกลับมางดงามยั่งยืนได้ แย้มเตรียมปรับภูมิทัศน์เมืองลพบุรี ขยายเขตมรดกโลกให้เหมือนศรีสัชนาลัย
นายเกรียงไกร สัมปัชชลิต อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า จากการที่อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา มีปัญหาเกี่ยวกับสภาพภูมิทัศน์บริเวณโดยรอบวัดพระศรีสรรเพชญ์ โดยเฉพาะที่วัดมงคลบพิตร ซึ่งมีร้านค้าและสิ่งปลูกสร้างเป็นจำนวนมาก ซึ่งเสี่ยงต่อการถูกถอดจากการเป็นมรดกโลกนั้น กรมศิลปากร ได้ดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง โดยประสานกับจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อเจรจากับผู้ค้าบริเวณรอบวัดมงคลบพิตร ซึ่งผู้ค้าส่วนใหญ่ยินยอมจะย้ายไปบริเวณศูนย์ราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จากนั้นกรมศิลปากร จะดำเนินการปรับภูมิทัศน์โดยรอบวัดพระศรีสรรเพชญ์ใหม่ เพื่อให้อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา กลับมาสง่างามสมกับเป็นมรดกโลกอีกครั้ง
นายเกรียงไกร กล่าวต่อไปว่า การปรับสภาพภูมิทัศน์ คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ประมาณเดือนตุลาคมนี้ โดยใช้งบประมาณประจำปี 2553-2554 ของโครงการไทยเข้มแข็ง จำนวน 256 ล้านบาท ซึ่งทางจังหวัด และกรมศิลปากร จะดำเนินการตั้งแต่รื้อถอนร้านค้า ปรับแต่งต้นไม้ ปรับสภาพถนน รวมทั้งจะไม่อนุญาตให้รถยนต์เข้าบริเวณอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา แต่จะใช้รถรางพานักท่องเที่ยวเข้ามาชมอุทยานฯ แทน เพื่อลดสิ่งรบกวนโบราณสถาน
ส่วนการส่งเสริมกิจกรรมให้แก่ผู้ค้า ทางจังหวัด และกรมศิลปากร ได้ร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจัดกิจกรรมต่างๆ บริเวณศูนย์ราชการ เพราะในพื้นที่ดังกล่าวจะเป็นจุดจอดรถยนต์ทุกชนิดและจะกลายเป็นศูนย์ร่วมนักท่องเที่ยวทั้งหมด จึงส่งผลดีต่อผู้ประกอบการมากกว่าการตั้งเพิงร้านแบบเดิม
“หากการพัฒนาภูมิทัศน์ดำเนินการเสร็จ ปัญหาการเสี่ยงถูกถอดมรดกโลกคงจะหมดไป ในขณะเดียวกัน กรมศิลปากร ก็ได้ทำการศึกษาข้อมูลทางประวัติศาสตร์แหล่งโบราณสถาน ที่อยู่ในยุคเดียวกับอยุธยาควบคู่ไปด้วย อาทิ อาณาจักรลพบุรี เพื่อเตรียมขยายขอบเขตการเป็นมรดกโลกของอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาให้เหมือนกับ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ศรีสัชนาลัย ทั้งนี้ การนำเสนอขยายขอบเขตมรดกโลกต่อยูเนสโกจะทำได้ง่ายกว่าการที่จะขอขึ้นเป็นแหล่งใหม่ ซึ่งถ้าทำได้สำเร็จจะส่งผลให้นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น อีกทั้งทำให้ประชาชนในพื้นที่ได้ประโยชน์ตามไปด้วย” อธิบดีกรมศิลปากร กล่าว
นายเกรียงไกร สัมปัชชลิต อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า จากการที่อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา มีปัญหาเกี่ยวกับสภาพภูมิทัศน์บริเวณโดยรอบวัดพระศรีสรรเพชญ์ โดยเฉพาะที่วัดมงคลบพิตร ซึ่งมีร้านค้าและสิ่งปลูกสร้างเป็นจำนวนมาก ซึ่งเสี่ยงต่อการถูกถอดจากการเป็นมรดกโลกนั้น กรมศิลปากร ได้ดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง โดยประสานกับจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อเจรจากับผู้ค้าบริเวณรอบวัดมงคลบพิตร ซึ่งผู้ค้าส่วนใหญ่ยินยอมจะย้ายไปบริเวณศูนย์ราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จากนั้นกรมศิลปากร จะดำเนินการปรับภูมิทัศน์โดยรอบวัดพระศรีสรรเพชญ์ใหม่ เพื่อให้อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา กลับมาสง่างามสมกับเป็นมรดกโลกอีกครั้ง
นายเกรียงไกร กล่าวต่อไปว่า การปรับสภาพภูมิทัศน์ คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ประมาณเดือนตุลาคมนี้ โดยใช้งบประมาณประจำปี 2553-2554 ของโครงการไทยเข้มแข็ง จำนวน 256 ล้านบาท ซึ่งทางจังหวัด และกรมศิลปากร จะดำเนินการตั้งแต่รื้อถอนร้านค้า ปรับแต่งต้นไม้ ปรับสภาพถนน รวมทั้งจะไม่อนุญาตให้รถยนต์เข้าบริเวณอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา แต่จะใช้รถรางพานักท่องเที่ยวเข้ามาชมอุทยานฯ แทน เพื่อลดสิ่งรบกวนโบราณสถาน
ส่วนการส่งเสริมกิจกรรมให้แก่ผู้ค้า ทางจังหวัด และกรมศิลปากร ได้ร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจัดกิจกรรมต่างๆ บริเวณศูนย์ราชการ เพราะในพื้นที่ดังกล่าวจะเป็นจุดจอดรถยนต์ทุกชนิดและจะกลายเป็นศูนย์ร่วมนักท่องเที่ยวทั้งหมด จึงส่งผลดีต่อผู้ประกอบการมากกว่าการตั้งเพิงร้านแบบเดิม
“หากการพัฒนาภูมิทัศน์ดำเนินการเสร็จ ปัญหาการเสี่ยงถูกถอดมรดกโลกคงจะหมดไป ในขณะเดียวกัน กรมศิลปากร ก็ได้ทำการศึกษาข้อมูลทางประวัติศาสตร์แหล่งโบราณสถาน ที่อยู่ในยุคเดียวกับอยุธยาควบคู่ไปด้วย อาทิ อาณาจักรลพบุรี เพื่อเตรียมขยายขอบเขตการเป็นมรดกโลกของอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาให้เหมือนกับ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ศรีสัชนาลัย ทั้งนี้ การนำเสนอขยายขอบเขตมรดกโลกต่อยูเนสโกจะทำได้ง่ายกว่าการที่จะขอขึ้นเป็นแหล่งใหม่ ซึ่งถ้าทำได้สำเร็จจะส่งผลให้นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น อีกทั้งทำให้ประชาชนในพื้นที่ได้ประโยชน์ตามไปด้วย” อธิบดีกรมศิลปากร กล่าว