สธ.ดีเดย์สั่ง อสม.ค้นหาผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 พร้อมให้ความรู้พร้อมกัน 30 ก.ค.นี้ ขณะที่คนกรุงเทพฯ ฐานะดี หมู่บ้านจัดสรร ไม่เชื่อมั่น อสม.หวั่นเคาะประตูบ้านไม่ได้ผล เตือนเป็นหวัดใหญ่ เลี่ยงไปแซยิด “แม้ว” ห้ามใจไม่ไหวอย่าลืมใส่หน้ากาก ชี้ ไทยยากจนได้โควตาสั่งจองวัคซีนเชื้อตายนำเข้าต่างประเทศได้แค่ 2 ล้านโดส จองอีกทีรอปีหน้า หวังอนาคต อภ.ผลิตเองได้
เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 24 กรกฎาคม นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดสธ.นพ.สมยศ ดีรัศมี อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ นายไพฑูรย์ บุญอารักษ์ ประธานอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านแห่งประเทศไทย และประธาน อสม.ทุกภาค ร่วมกันแถลงข่าว “พลัง อสม.ต้านภัยไข้หวัดใหญ่ 2009”
นายวิทยา กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์ของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ ชนิดเอ เอช1เอ็น1 อยู่ในขั้นที่ระบาดกระจายทั่วประเทศ และมีแนวโน้มพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสำนักระบาดวิทยาคาดการณ์ในเดือนสิงหาคม โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จะแพร่ระบาดสู่ชนบท ซึ่งได้เตรียมการให้ระดมพลังอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ที่มีประมาณ 980,000 คนทั่วประเทศ ออกสำรวจเดินเยี่ยมบ้านในการค้นหา คัดกรองผู้ป่วย พร้อมทั้งให้คำแนะนำในการป้องกันโรค โดยในวันที่ 29 กรกฎาคม เวลา 13.00 น.จะนัดหารือกับประธาน อสม.แต่ละภาคและนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ที่กระทรวงสาธารณสุข เพื่อตรวจสอบความพร้อมก่อนที่จะเริ่มปฏิบัติการพร้อมกันทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคมนี้
“อสม.จะเป็นวัคซีนตัวแรกที่ให้กับพี่น้องในชนบท โดยการให้ความรู้กับประชาชนเป็นรายบุคคลในการป้องกันตนเองจากโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ซึ่งอสม.จะเป็นตัวกลางในการแนะนำให้ความรู้กับประชาชนว่า ถ้าป่วยเล็กน้อยให้อยู่กันบ้านลดการแพร่เชื้อ แต่หากป่วยเป็นไข้ และมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น มีน้ำมูก ปวดเมื่อย ให้เข้าสู่กระบวนการในการรักษาทันที หากดำเนินการได้ในลักษณะนี้จะทำให้ลดการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ 2009” นายวิทยา กล่าว
*** อสม.กทม.หวั่นเข้าไม่ถึงกลุ่มฐานะดี-หมู่บ้าน
นายวิเชียร สุนทรารักษ์ ประธานชมรมอาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ขณะนี้ อสม.ของเขต กทม.มีอยู่ประมาณกว่า 10,000 คน ปฏิบัติงานตามกรอบที่ หม่อมราชวงศ์ สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานคร ได้วางไว้ ถือว่ามีความพร้อมในการปฏิบัติงานอย่างเต็มที่ โดยเป็นการทำงานเชิงรุก มีการเคาะประตูบ้านค้นหาผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในแต่ละชุมชน ซึ่งปัญหาอุปสรรคที่พบในการปฏิบัติงานนั้นต่างจากในต่างจังหวัด เนื่องจากไม่ได้รับความร่วมมือจากประชาชนในกลุ่มที่มีฐานะดีทำให้ไม่สามารถเข้าถึงได้ แต่สามารถเข้าได้เฉพาะกลุ่มชนชั้นล่าง เช่นเดียวกับที่มีการรณรงค์ป้องกันโรคไข้เลือดออกในการฉีดพ่นหมอกควันกำจัดลูกน้ำยุงลาย ซึ่งประชาชนในชุมชนหมู่บ้านจัดสรรเป็นโรคไข้เลือดออกเป็นจำนวนมาก แต่ไม่สามารถเจาะเข้าไปป้องกันและควบคุมโรคได้ ประกอบกับคนกรุงเทพฯ มีความเชื่อมั่นต่อ อสม.น้อย ที่ผ่านมา จะต้องมีนางพยาบาล 1 คน นำหน้าในการปฏิบัติภารกิจทุกครั้ง
ทั้งนี้ ประธาน อสม.ทุกภาค ทั้งกลาง เหนือ อีสาน ใต้ ต่างยืนยันเหมือนกันว่า มีความพร้อมในการปฏิบัติภารกิจอย่างเต็มที่
*** เตือนเป็นหวัดใหญ่เลี่ยงไปแซยิด “แม้ว”
ต่อข้อถามว่า ในการจัดงานแซยิดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีประชาชนจำนวนมากเข้าร่วมงานนั้น มีข้อแนะนำประชาชนในการป้องกันตนเองจากโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 อย่างไร นายวิทยา กล่าวว่า หากใครป่วยไม่ควรไปร่วมการชุมนุมแสดงสปิริตอยู่กับบ้าน แต่หากห้ามใจไม่ไว้จริงๆ ควรใส่หน้ากากไปยังสถานที่ชุมนุมคนจำนวนมาก ทั้งนี้ ไม่ควรจัดในสถานที่ปิด และควรจะจัดในที่โปร่งโล่ง และถ้าจะให้ดีก็ควรหลีกเลี่ยงการจัดการชุมนุมดีกว่า ส่วนการที่อดีตนายกรัฐมนตรี จะให้ข้อมูลเรื่องไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ผ่านทางเว็บไซต์ คงไม่จำเป็นต้องแข่งขันกัน เพราะยิ่งมากหมอยิ่งมากความ และสื่อมวลชนคงจะนำมาพาดหัวข่าวอยู่แล้ว
นายวิทยา กล่าวต่อว่า ในจังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากผู้ป่วยมีโรคประจำตัวหรือเข้ารับการรักษาและได้รับยาต้านไวรัสช้านั้น ได้สั่งการให้นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดสธ.ตรวจสอบข้อเท็จริง และขอร้องให้ ศ.นพ.อมร ลีลารัศมี อาจารย์ประจำภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และนายกสมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย ลงพื้นที่ในการให้ความรู้กับแพทย์ในพื้นที่
*** จองวัคซีนเชื้อตายได้อีกทีกลางปีหน้า
นายวิทยา กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ไม่สามารถสั่งจองวัคซีนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เพิ่มได้ เพราะไม่มีที่ได้รับสั่งจอง เพราะจองกันเต็มหมดแล้ว การสั่งจองวัคซีน 2 ล้านโดส ที่นำเข้าจากฝรั่งเศสเป็นไปเพื่อความมั่นคงของประเทศ แม้วัคซีนจะยังไม่ได้รับการรับรองผลข้างเคียงแต่เป็นหลักประกันเบื้องต้น ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศยากจนทำให้สามารถสั่งจองวัคซีนได้เพียงเท่านี้ หากไทยต้องการสั่งจองเพิ่มคงจะสามารถสั่งจองได้อีกประมาณกลางปีหน้า หรือไม่ต้องให้องค์การเภสัชกรรมเป็นผู้ผลิตวัคซีนชนิดตายเอง ขณะนี้ประเทศที่สามารถผลิตวัคซีนได้ก่อน เช่น สหรัฐอเมริกา ก็ผลิตวัคซีนเพื่อใช้ในประเทศให้เพียงพอก่อน
นายวิทยา กล่าวถึงการใช้น้ำมนต์ในการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2209 ว่า ถือเป็นเจตนาที่ดี เป็นเรื่องของกำลังใจ ไม่ได้เป็นเรื่องแปลงแต่อย่างใด แต่อยากย้ำว่า หากป่วยยังต้องมาพบแพทย์ โดยเฉพาะมีไข้ 2 วันแล้วไม่ลด ต้องเข้ารับการรักษาทันที เมื่อป่วยอยู่บ้านต้องใส่หน้ากากอนามัยป้องกันแพร่เชื้อโรคไปยังผู้อื่น ส่วนเรื่องความสะอาดของน้ำมนต์ก็ต้องระมัดระวังด้วย
นายวิทยา กล่าวถึงการที่ ศ. ดร.อัมมาร สยามวาลา นักวิชาการจากสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ออกมาระบุว่า การให้ความรู้ไข้หวัดใหญ่ 2009 กับประชาชนน้อยเกินไปนั้นว่า สธ.ขอรับคำแนะนำไว้และนำมาปรับปรุงเพื่อลดความสับสนของข้อมูล โดยจะหาผู้ที่ให้ข้อมูลต่อสาธารณชนในส่วนของสธ.เพียงคนเดียว แต่เนื่องจากในประเทศไทยไม่ได้มีแพทย์ของ สธ.เพียงอย่างเดียวแต่มีทั้งแพทย์จากภาคเอกชน มหาวิทยาลัยแพทย์ที่ออกมาให้ข้อมูลเชิงวิชาการได้ และเมื่อให้ข้อมูลที่สวนกระแสก็หลายเป็นประเด็นที่ได้รับความ
*** “วิทยา” สั่งกำจัดจุดอ่อนให้ยาโอเซลทามิเวียร์ช้า
นายวิทยา กล่าวว่า ที่ผ่านมาสธ.มีจุดอ่อนในเรื่องการที่ผู้ป่วยมีอาการหนักมาถึงโรงพยาบาลช้าไป รวมถึงได้รับยาโอเซลทามิเวียร์ไม่ทัน จึงมีแนวคิดในการแก้ไขปัญหาด้วยการขอความร่วมมือในการส่งต่อผู้ป่วยจากคลินิกไปสู่สถานพยาบาลระดับใหญ่ เพราะทุกโรงพยาบาลมียาต้านไวรัสอยู่แล้ว ส่วนจะพิจารณาให้คลินิกสามารถเป็นผู้จ่ายยาโอเซลทามิเวียร์โดยตรง เนื่องจากผู้ป่วยจำนวนหนึ่งเข้ารับการรักษาที่คลินิกก่อนนั้น จะต้องปรึกษากับศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ ทองเจริญ และรศ.(พิเศษ)นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ที่เป็นทีมวิชาการฯก่อนว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน นอกจากนี้ ให้สสจ.ประชุมคลินิกและร้านยาในพื้นที่หารือและจัดทำข้อตกลงร่วมกันให้การเป็นหน่วยที่คัดกรองผู้ป่วยพร้อมทั้งส่งต่อด้วย
*** ปลัดสธ.ชงทีมวิชาการพิจารณาให้คลินิกจ่ายโอเซลทามิเวียร์ได้
นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ได้สั่งการให้นพ.สมชัย ภิญโญพรพาณิชย์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค นำประเด็นเรื่องการให้ยาโอเซลทามิเวียร์ในระดับคลินิกในพื้นที่ต่างๆ ว่าเหมาะสมหรือไม่ ต่อที่ประชุมที่ปรึกษาทางวิชาการและยุทธศาสตร์ด้านการแพทย์และการสาธารณสุขระดับชาติที่มีศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ ทองเจริญ เป็นประธาน ในวันที่ 27 ก.ค.เวลา 13.00 น.ที่กรมควบคุมโรค ซึ่งต้องคำนึงถึงหลายเหตุผล
“ปัจจุบันมีแพทย์ประมาณ 3 หมื่นคน ในจำนวนนี้ 1 หมื่นคนอยู่ในสังกัดของกระทรวงสาธารณสุข ส่วนอีก 2 หมื่นคน อยู่สังกัดมหาวิทยาลัยแพทย์ กรุงเทพมหานครและภาคเอกชน ซึ่งความคิดเห็นของแพทย์มีหลากหลายหากอาศัยคู่มือแนวทางการรักษาสำหรับแพทย์จะช่วยให้การปฏิบัติเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ส่วนการจ่ายยาโอเซลทามิเวียร์ในคลินิกต่างๆ แพทย์ก็สามารถวิเคราะห์สถานการณ์ของโรคได้ว่ามีความจำเป็นหรือไม่ อย่างไรตามจะต้องรอฝ่ายวิชาการพิจารณาว่าจะได้ข้อสรุปอย่างไร”นพ.ปราชญ์ กล่าว
เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 24 กรกฎาคม นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดสธ.นพ.สมยศ ดีรัศมี อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ นายไพฑูรย์ บุญอารักษ์ ประธานอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านแห่งประเทศไทย และประธาน อสม.ทุกภาค ร่วมกันแถลงข่าว “พลัง อสม.ต้านภัยไข้หวัดใหญ่ 2009”
นายวิทยา กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์ของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ ชนิดเอ เอช1เอ็น1 อยู่ในขั้นที่ระบาดกระจายทั่วประเทศ และมีแนวโน้มพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสำนักระบาดวิทยาคาดการณ์ในเดือนสิงหาคม โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จะแพร่ระบาดสู่ชนบท ซึ่งได้เตรียมการให้ระดมพลังอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ที่มีประมาณ 980,000 คนทั่วประเทศ ออกสำรวจเดินเยี่ยมบ้านในการค้นหา คัดกรองผู้ป่วย พร้อมทั้งให้คำแนะนำในการป้องกันโรค โดยในวันที่ 29 กรกฎาคม เวลา 13.00 น.จะนัดหารือกับประธาน อสม.แต่ละภาคและนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ที่กระทรวงสาธารณสุข เพื่อตรวจสอบความพร้อมก่อนที่จะเริ่มปฏิบัติการพร้อมกันทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคมนี้
“อสม.จะเป็นวัคซีนตัวแรกที่ให้กับพี่น้องในชนบท โดยการให้ความรู้กับประชาชนเป็นรายบุคคลในการป้องกันตนเองจากโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ซึ่งอสม.จะเป็นตัวกลางในการแนะนำให้ความรู้กับประชาชนว่า ถ้าป่วยเล็กน้อยให้อยู่กันบ้านลดการแพร่เชื้อ แต่หากป่วยเป็นไข้ และมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น มีน้ำมูก ปวดเมื่อย ให้เข้าสู่กระบวนการในการรักษาทันที หากดำเนินการได้ในลักษณะนี้จะทำให้ลดการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ 2009” นายวิทยา กล่าว
*** อสม.กทม.หวั่นเข้าไม่ถึงกลุ่มฐานะดี-หมู่บ้าน
นายวิเชียร สุนทรารักษ์ ประธานชมรมอาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ขณะนี้ อสม.ของเขต กทม.มีอยู่ประมาณกว่า 10,000 คน ปฏิบัติงานตามกรอบที่ หม่อมราชวงศ์ สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานคร ได้วางไว้ ถือว่ามีความพร้อมในการปฏิบัติงานอย่างเต็มที่ โดยเป็นการทำงานเชิงรุก มีการเคาะประตูบ้านค้นหาผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในแต่ละชุมชน ซึ่งปัญหาอุปสรรคที่พบในการปฏิบัติงานนั้นต่างจากในต่างจังหวัด เนื่องจากไม่ได้รับความร่วมมือจากประชาชนในกลุ่มที่มีฐานะดีทำให้ไม่สามารถเข้าถึงได้ แต่สามารถเข้าได้เฉพาะกลุ่มชนชั้นล่าง เช่นเดียวกับที่มีการรณรงค์ป้องกันโรคไข้เลือดออกในการฉีดพ่นหมอกควันกำจัดลูกน้ำยุงลาย ซึ่งประชาชนในชุมชนหมู่บ้านจัดสรรเป็นโรคไข้เลือดออกเป็นจำนวนมาก แต่ไม่สามารถเจาะเข้าไปป้องกันและควบคุมโรคได้ ประกอบกับคนกรุงเทพฯ มีความเชื่อมั่นต่อ อสม.น้อย ที่ผ่านมา จะต้องมีนางพยาบาล 1 คน นำหน้าในการปฏิบัติภารกิจทุกครั้ง
ทั้งนี้ ประธาน อสม.ทุกภาค ทั้งกลาง เหนือ อีสาน ใต้ ต่างยืนยันเหมือนกันว่า มีความพร้อมในการปฏิบัติภารกิจอย่างเต็มที่
*** เตือนเป็นหวัดใหญ่เลี่ยงไปแซยิด “แม้ว”
ต่อข้อถามว่า ในการจัดงานแซยิดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีประชาชนจำนวนมากเข้าร่วมงานนั้น มีข้อแนะนำประชาชนในการป้องกันตนเองจากโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 อย่างไร นายวิทยา กล่าวว่า หากใครป่วยไม่ควรไปร่วมการชุมนุมแสดงสปิริตอยู่กับบ้าน แต่หากห้ามใจไม่ไว้จริงๆ ควรใส่หน้ากากไปยังสถานที่ชุมนุมคนจำนวนมาก ทั้งนี้ ไม่ควรจัดในสถานที่ปิด และควรจะจัดในที่โปร่งโล่ง และถ้าจะให้ดีก็ควรหลีกเลี่ยงการจัดการชุมนุมดีกว่า ส่วนการที่อดีตนายกรัฐมนตรี จะให้ข้อมูลเรื่องไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ผ่านทางเว็บไซต์ คงไม่จำเป็นต้องแข่งขันกัน เพราะยิ่งมากหมอยิ่งมากความ และสื่อมวลชนคงจะนำมาพาดหัวข่าวอยู่แล้ว
นายวิทยา กล่าวต่อว่า ในจังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากผู้ป่วยมีโรคประจำตัวหรือเข้ารับการรักษาและได้รับยาต้านไวรัสช้านั้น ได้สั่งการให้นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดสธ.ตรวจสอบข้อเท็จริง และขอร้องให้ ศ.นพ.อมร ลีลารัศมี อาจารย์ประจำภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และนายกสมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย ลงพื้นที่ในการให้ความรู้กับแพทย์ในพื้นที่
*** จองวัคซีนเชื้อตายได้อีกทีกลางปีหน้า
นายวิทยา กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ไม่สามารถสั่งจองวัคซีนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เพิ่มได้ เพราะไม่มีที่ได้รับสั่งจอง เพราะจองกันเต็มหมดแล้ว การสั่งจองวัคซีน 2 ล้านโดส ที่นำเข้าจากฝรั่งเศสเป็นไปเพื่อความมั่นคงของประเทศ แม้วัคซีนจะยังไม่ได้รับการรับรองผลข้างเคียงแต่เป็นหลักประกันเบื้องต้น ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศยากจนทำให้สามารถสั่งจองวัคซีนได้เพียงเท่านี้ หากไทยต้องการสั่งจองเพิ่มคงจะสามารถสั่งจองได้อีกประมาณกลางปีหน้า หรือไม่ต้องให้องค์การเภสัชกรรมเป็นผู้ผลิตวัคซีนชนิดตายเอง ขณะนี้ประเทศที่สามารถผลิตวัคซีนได้ก่อน เช่น สหรัฐอเมริกา ก็ผลิตวัคซีนเพื่อใช้ในประเทศให้เพียงพอก่อน
นายวิทยา กล่าวถึงการใช้น้ำมนต์ในการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2209 ว่า ถือเป็นเจตนาที่ดี เป็นเรื่องของกำลังใจ ไม่ได้เป็นเรื่องแปลงแต่อย่างใด แต่อยากย้ำว่า หากป่วยยังต้องมาพบแพทย์ โดยเฉพาะมีไข้ 2 วันแล้วไม่ลด ต้องเข้ารับการรักษาทันที เมื่อป่วยอยู่บ้านต้องใส่หน้ากากอนามัยป้องกันแพร่เชื้อโรคไปยังผู้อื่น ส่วนเรื่องความสะอาดของน้ำมนต์ก็ต้องระมัดระวังด้วย
นายวิทยา กล่าวถึงการที่ ศ. ดร.อัมมาร สยามวาลา นักวิชาการจากสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ออกมาระบุว่า การให้ความรู้ไข้หวัดใหญ่ 2009 กับประชาชนน้อยเกินไปนั้นว่า สธ.ขอรับคำแนะนำไว้และนำมาปรับปรุงเพื่อลดความสับสนของข้อมูล โดยจะหาผู้ที่ให้ข้อมูลต่อสาธารณชนในส่วนของสธ.เพียงคนเดียว แต่เนื่องจากในประเทศไทยไม่ได้มีแพทย์ของ สธ.เพียงอย่างเดียวแต่มีทั้งแพทย์จากภาคเอกชน มหาวิทยาลัยแพทย์ที่ออกมาให้ข้อมูลเชิงวิชาการได้ และเมื่อให้ข้อมูลที่สวนกระแสก็หลายเป็นประเด็นที่ได้รับความ
*** “วิทยา” สั่งกำจัดจุดอ่อนให้ยาโอเซลทามิเวียร์ช้า
นายวิทยา กล่าวว่า ที่ผ่านมาสธ.มีจุดอ่อนในเรื่องการที่ผู้ป่วยมีอาการหนักมาถึงโรงพยาบาลช้าไป รวมถึงได้รับยาโอเซลทามิเวียร์ไม่ทัน จึงมีแนวคิดในการแก้ไขปัญหาด้วยการขอความร่วมมือในการส่งต่อผู้ป่วยจากคลินิกไปสู่สถานพยาบาลระดับใหญ่ เพราะทุกโรงพยาบาลมียาต้านไวรัสอยู่แล้ว ส่วนจะพิจารณาให้คลินิกสามารถเป็นผู้จ่ายยาโอเซลทามิเวียร์โดยตรง เนื่องจากผู้ป่วยจำนวนหนึ่งเข้ารับการรักษาที่คลินิกก่อนนั้น จะต้องปรึกษากับศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ ทองเจริญ และรศ.(พิเศษ)นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ที่เป็นทีมวิชาการฯก่อนว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน นอกจากนี้ ให้สสจ.ประชุมคลินิกและร้านยาในพื้นที่หารือและจัดทำข้อตกลงร่วมกันให้การเป็นหน่วยที่คัดกรองผู้ป่วยพร้อมทั้งส่งต่อด้วย
*** ปลัดสธ.ชงทีมวิชาการพิจารณาให้คลินิกจ่ายโอเซลทามิเวียร์ได้
นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ได้สั่งการให้นพ.สมชัย ภิญโญพรพาณิชย์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค นำประเด็นเรื่องการให้ยาโอเซลทามิเวียร์ในระดับคลินิกในพื้นที่ต่างๆ ว่าเหมาะสมหรือไม่ ต่อที่ประชุมที่ปรึกษาทางวิชาการและยุทธศาสตร์ด้านการแพทย์และการสาธารณสุขระดับชาติที่มีศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ ทองเจริญ เป็นประธาน ในวันที่ 27 ก.ค.เวลา 13.00 น.ที่กรมควบคุมโรค ซึ่งต้องคำนึงถึงหลายเหตุผล
“ปัจจุบันมีแพทย์ประมาณ 3 หมื่นคน ในจำนวนนี้ 1 หมื่นคนอยู่ในสังกัดของกระทรวงสาธารณสุข ส่วนอีก 2 หมื่นคน อยู่สังกัดมหาวิทยาลัยแพทย์ กรุงเทพมหานครและภาคเอกชน ซึ่งความคิดเห็นของแพทย์มีหลากหลายหากอาศัยคู่มือแนวทางการรักษาสำหรับแพทย์จะช่วยให้การปฏิบัติเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ส่วนการจ่ายยาโอเซลทามิเวียร์ในคลินิกต่างๆ แพทย์ก็สามารถวิเคราะห์สถานการณ์ของโรคได้ว่ามีความจำเป็นหรือไม่ อย่างไรตามจะต้องรอฝ่ายวิชาการพิจารณาว่าจะได้ข้อสรุปอย่างไร”นพ.ปราชญ์ กล่าว