นักวิชาการ ชี้ สธ.รณรงค์หน้ากากอย่างเดียวไม่ได้ผล ชวนรถแท็กซี่ รถตู้ รถไฟฟ้า รถใต้ดิน ร่วมมือกันทำความสะอาดราว ประตูหลังเข้าอู่ ชี้ ทำหน้ากากควรดูที่รูใยผ้า แต่ถ้ามากไประวังเชื้อโรคสะสม ส่วนสีสันลวดลายแล้วแต่ชอบ
รศ.นพ.ประตาป สิงหศิวานนท์ คณบดีคณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า การรณรงค์เรื่องการสวมใส่หน้ากากอนามัยป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ที่ดำเนินการเพียงอย่างเดียวนั้น ถือว่าไม่เพียงพอ หลายๆ ฝ่ายควรต้องร่วมมือกันอย่างเป็นระบบ ช่วยกันรักษาความสะอาด ไม่ว่าจะเป็น โรงเรียน แหล่งชุมชน ร้านอินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะรถขนส่งสาธารณะ อาทิ รถแท็กซี่ รถเมล์ รถไฟฟ้า หรือรถใต้ดิน รวมถึงรถตู้สาธารณะ เวลาถึงอู่ปลายทางก็ควรทำความสะอาด เอาแอลกอฮอล์มาเช็ดราว และส่วนสัมผัสต่างๆ ให้ปลอดเชื้อโรค ซึ่งทุกฝ่ายต้องช่วยกัน
“ทุกฝ่ายต้องดำเนินการไปพร้อมๆ กันอย่างเป็นระบบ ไม่ใช่รณรงค์แต่เรื่องหน้ากากอนามัยเพียงอย่างเดียว ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน เสริมซึ่งกันและกัน เมื่อรณรงค์หน้ากากอนามัยคือการป้องกันไม่ให้เชื้อเข้าสู่ร่างกายได้ในระดับหนึ่งแล้ว ทางอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นแหล่งที่เชื้อโรคจะอยู่ ไม่ว่าจะเป็นแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์ในร้านอินเทอร์เน็ต ที่จับประตูรถโดยสาร ราวรถไฟฟ้า ทุกฝ่ายต้องร่วมกันทำความสะอาดจะได้ช่วยลดโอกาสในการแพร่ให้บุคคลอื่นติดกันได้” รศ.นพ.ประตาป กล่าว
รศ.นพ.ประตาป กล่าวต่อว่า ในส่วนของหน้ากากอนามัยอยากแนะนำประชาชน ว่า หากจะเลือกทำใช้เองนั้นก็ควรดูที่รูใยผ้า หากห่างมากโอกาสในการที่เชื้อโรคจะเข้าไปได้ก็มากขึ้น แต่ส่วนใหญ่อย่างน้อยก็ป้องกันได้ประมาณ 50-80% อยู่แล้ว เพราะหน้ากากอนามัยป้องกันไม่ให้มือที่ไปสัมผัสโรคมาแคะจมูก ขยี้ตาให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้ ส่วนจะมีสีสันและลวดลายก็ตามใจชอบ จึงอยากให้ประชาชนให้ความสำคัญเรื่องการสวมหน้ากากอนามัยโดยให้มองว่าเป็นเรื่องปกติ เหมือนครั้งหนึ่งที่แนวทางรณรงค์นี้ถุงยางมีชัย รณรงค์ว่าถุงยางอนามัยเป็นเรื่องธรรมดา
“ในส่วนตกแต่งหน้ากากอนามัยผ้าด้วยสติกเกอร์ หรือมีลวดลายต่างๆ ก็ไม่เป็นปัญหาใดๆ หน้ากากอนามัยก็ยังคงประสิทธิภาพอยู่อย่างน้อยก็ป้องกันไม่ให้มือที่สัมผัสกับเชื้อโรคเข้าทางปากกับจมูก แต่หากประดับลูกไม้ หรือมีตุ๊กตา หรือมีของตกแต่งที่มากมาย สามารถเก็บละอองเชื้อโรคได้ ก็อาจมีส่วนว่าเชื้อโรคเหล่านั้นจะไปสะสมอยู่บริเวณหน้ากากแทน แต่ก็เป็นส่วนน้อย” รศ.นพ.ประตาป กล่าว