“วิทยา” เรียก สสจ.ผอ.รพ.ทบทวนแนวทางควบคุม-รักษาผู้ป่วยหวัดใหญ่ 2009 ย้ำ ทุกคนเสี่ยงป่วยเท่ากัน แต่กลุ่มเด็ก ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ พร้อมเพิ่มช่องทางพิเศษ อัตรากำลังแพทย์ พยาบาล ตรวจนอกเวลาราชการ ขณะที่ผู้ป่วยรายใหม่เพิ่ม 146 ราย รวม 3,071 ราย ใน 69 จังหวัด เสียชีวิต 14 รายเท่าเดิม
วันที่ 10 กรกฎาคม ที่กระทรวงสาธารณสุข นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ประชุมนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไปทั่วประเทศ เพื่อทบทวนแนวทางการดำเนินงานควบคุมป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช1เอ็น1 และความพร้อมด้านการรักษาพยาบาล
นายวิทยา กล่าวว่า โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ประชาชนทุกคนมีความเสี่ยงที่จะป่วยเท่ากัน เนื่องจากคนทั่วโลกยังไม่มีภูมิต้านทานต่อเชื้อนี้ และยังไม่มีวัคซีนป้องกัน แต่ในกลุ่มที่ร่างกายอ่อนแอ เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว เป็นกลุ่มที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ เนื่องจากเมื่อเจ็บป่วยมีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตได้มาก ซึ่งสถานการณ์ของโรคมีแนวโน้มที่จะพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และกระจายไปทั่วประเทศ ขณะเดียวกัน ช่วงนี้ยังเป็นช่วงที่มีการระบาดของไข้หวัดใหญ่ทั่วไปด้วย ทำให้มีโอกาสพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นมาก จึงต้องเตรียมสถานพยาบาลทุกระดับทั่วประเทศ ให้พร้อมรักษาพยาบาลผู้ป่วยอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เพื่อลดอัตราเสียชีวิตให้มากที่สุด
นายวิทยา กล่าวต่อว่า ได้มอบนโยบายให้โรงพยาบาลในสังกัดทุกระดับทั่วประเทศ จัดช่องทางพิเศษสำหรับตรวจรักษาผู้ที่มีอาการป่วยคล้ายไข้หวัดโดยเฉพาะ และเพิ่มอัตรากำลังแพทย์ พยาบาล ให้บริการตรวจรักษานอกเวลาราชการ รวมทั้งจัดระบบส่งต่อผู้ป่วยประสานงานกันเป็นเครือข่าย ระหว่างโรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลทั่วไป โรงพยาบาลศูนย์ภายในจังหวัด ไปจนถึงระดับเขต ระดับภาค และส่วนกลาง โดยมีคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นคณะกรรมการคอยให้คำปรึกษาตลอด 24 ชั่วโมง
“แนวทางการรักษาผู้ป่วยของไทยที่ทำอยู่ขณะนี้ คณะแพทย์ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานวิชาการต่างๆ อาทิ ศิริราช รามาธิบดี จุฬาลงกรณ์ รวมทั้งของกระทรวงสาธารณสุข ได้ร่วมกันวิเคราะห์และปรับปรุงให้เหมาะสมกับสถานการณ์ของโรค จึงขอยืนยันให้ประชาชนทุกคน มั่นใจว่า มาตรฐานการรักษาผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ ของไทย ไม่ได้ด้อยกว่าประเทศอื่นแน่นอน”นายวิทยา กล่าว
ด้านนพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากการวิเคราะห์สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค พบว่าจุดที่มีคนอยู่รวมกันมากๆ จะยิ่งมีความเสี่ยงการแพร่เชื้อได้มาก เช่น โรงเรียน โรงเรียนกวดวิชา ร้านเกม ไนต์คลับ ผับ บาร์ เป็นต้น ได้ขอให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ประสานกับผู้บริหารสถานที่ต่างๆ เหล่านี้ เพื่อขอความร่วมมือให้มีการทำความสะอาดสถานที่ โดยเฉพาะพื้นที่ที่เป็นจุดเสี่ยงแพร่เชื้อเป็นประจำ จัดระบบถ่ายเทอากาศ รวมทั้งจัดเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเข้าไปร่วมกับทางโรงเรียน คัดกรองนักเรียนที่มีอาการป่วยเหมือนไข้หวัดด้วย
“เพื่อให้การดำเนินงานควบคุมป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ มีความรัดกุมและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ได้มอบหมายให้รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขรับผิดชอบงานในแต่ละภาค ได้แก่ ภาคเหนือ มอบ พญ.ศิริพร กัญชนะ ภาคใต้ มอบ นพ.ไพจิตร์ วราชิต ภาคกลาง มอบ นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มอบ นพ.จักรธรรม ธรรมศักดิ์” นพ.ปราชญ์ กล่าว
สำหรับสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ ของไทย ตั้งแต่ 28 เมษายน 2552-10 กรกฎาคม 2552 สำนักระบาดวิทยารายงานมีผู้ป่วย ยืนยันเพิ่ม 146 ราย รวมผู้ป่วยยืนยันสะสมทั้งหมด 3,071 ราย เสียชีวิต 14 ราย เป็นหญิง 6 ราย ชาย 8 ราย อายุระหว่าง 8-58 ปี อยู่ใน กทม.7 ราย ชลบุรี 3 ราย ภูเก็ต 1 ราย มหาสารคาม 1 ราย ราชบุรี 1 ราย และเพชรบุรี 1 ราย และมีผู้ป่วยยืนยันไข้หวัดใหญ่ 2009 แล้วใน 69 จังหวัด