“วิทยา” เผย นายกรัฐมนตรีได้ให้กรมบัญชีกลางทบทวนระเบียบห้ามเบิกจ่ายค่ายาสมุนไพรนอกบัญชียาหลักแห่งชาติที่ออกใหม่ ซึ่งมีผลในวันที่ 1 ก.ค.ยืนยันโรงพยาบาลภาครัฐ ยังสามารถเบิกจ่ายยาสมุนไพร ตามระเบียบเดิมของกรมบัญชีกลางต่อไปได้ สธ.เตรียมทำหนังสืออุทธรณ์ไปยังกรมบัญชีกลาง และเชิญผู้เกี่ยวข้องหารือ ป้องกันปัญหาการหยุดชะงักการพัฒนายาสมุนไพร
ตามที่กรมบัญชีกลาง มีหนังสือแจ้งเวียนไปยังโรงพยาบาลรัฐทุกแห่งทั่วประเทศ ห้ามข้าราชการเบิกจ่ายค่ายาสมุนไพรที่อยู่นอกรายการบัญชียาหลักแห่งชาติ โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2552 เป็นต้นไป ซึ่งผู้เกี่ยวข้องหลายฝ่ายได้ออกมาแสดงความเห็นคัดค้านนั้น
นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีได้หยิบยกขึ้นมาหารือในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ (30 มิ.ย.) และมอบให้กรมบัญชีกลางนำเรื่องกลับไปทบทวนอีกครั้ง เนื่องจากการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลจากยาสมุนไพรเป็นสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด ดังนั้นระเบียบการเบิกจ่ายของกรมบัญชีกลางดังกล่าวจึงยังคงไม่มีผลบังคับใช้ ทุกโรงพยาบาลที่เป็นของรัฐทั้งหมด จะยังคงใช้ตามระเบียบเดิมไปก่อน
“ประเทศไทยมีจุดแข็งในเรื่องของภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร โดยเฉพาะสมุนไพรไทย ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพและมีคุณภาพดี เป็นที่นิยมและยอมรับจากนานาชาติ กระทรวงสาธารณสุขจึงมีนโยบายที่จะส่งเสริมการใช้ยาสมุนไพรทดแทนยาแผนปัจจุบัน รวมทั้งพัฒนาอุตสาหกรรมผลิตยาสมุนไพรให้ได้มาตรฐานสากล เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการนำเข้ายาจากต่างประเทศ และช่วยให้ประเทศชาติพึ่งพิงตนเองได้ในสภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำทั่วโลก การออกระเบียบดังกล่าว จึงอาจทำให้ความพยายามในการพัฒนายาจากสมุนไพรของประเทศหยุดชะงักได้” นายวิทยากล่าว
นายวิทยา กล่าวต่อว่า กระทรวงสาธารณสุขจะทำหนังสืออุทธรณ์ถึงปลัดกระทรวงการคลัง และจะเชิญผู้เกี่ยวข้องทั้งกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก และกรมบัญชีกลางหารือมาตรการที่เหมาะสม ทั้งนี้ เพื่อให้การพัฒนายาสมุนไพรของไทยก้าวต่อไปได้ และยังมีอีกหลายตัวที่จะสามารถพัฒนาบรรจุในรายการบัญชียาหลักแห่งชาติใช้รักษาผู้เจ็บป่วยได้
ตามที่กรมบัญชีกลาง มีหนังสือแจ้งเวียนไปยังโรงพยาบาลรัฐทุกแห่งทั่วประเทศ ห้ามข้าราชการเบิกจ่ายค่ายาสมุนไพรที่อยู่นอกรายการบัญชียาหลักแห่งชาติ โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2552 เป็นต้นไป ซึ่งผู้เกี่ยวข้องหลายฝ่ายได้ออกมาแสดงความเห็นคัดค้านนั้น
นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีได้หยิบยกขึ้นมาหารือในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ (30 มิ.ย.) และมอบให้กรมบัญชีกลางนำเรื่องกลับไปทบทวนอีกครั้ง เนื่องจากการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลจากยาสมุนไพรเป็นสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด ดังนั้นระเบียบการเบิกจ่ายของกรมบัญชีกลางดังกล่าวจึงยังคงไม่มีผลบังคับใช้ ทุกโรงพยาบาลที่เป็นของรัฐทั้งหมด จะยังคงใช้ตามระเบียบเดิมไปก่อน
“ประเทศไทยมีจุดแข็งในเรื่องของภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร โดยเฉพาะสมุนไพรไทย ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพและมีคุณภาพดี เป็นที่นิยมและยอมรับจากนานาชาติ กระทรวงสาธารณสุขจึงมีนโยบายที่จะส่งเสริมการใช้ยาสมุนไพรทดแทนยาแผนปัจจุบัน รวมทั้งพัฒนาอุตสาหกรรมผลิตยาสมุนไพรให้ได้มาตรฐานสากล เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการนำเข้ายาจากต่างประเทศ และช่วยให้ประเทศชาติพึ่งพิงตนเองได้ในสภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำทั่วโลก การออกระเบียบดังกล่าว จึงอาจทำให้ความพยายามในการพัฒนายาจากสมุนไพรของประเทศหยุดชะงักได้” นายวิทยากล่าว
นายวิทยา กล่าวต่อว่า กระทรวงสาธารณสุขจะทำหนังสืออุทธรณ์ถึงปลัดกระทรวงการคลัง และจะเชิญผู้เกี่ยวข้องทั้งกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก และกรมบัญชีกลางหารือมาตรการที่เหมาะสม ทั้งนี้ เพื่อให้การพัฒนายาสมุนไพรของไทยก้าวต่อไปได้ และยังมีอีกหลายตัวที่จะสามารถพัฒนาบรรจุในรายการบัญชียาหลักแห่งชาติใช้รักษาผู้เจ็บป่วยได้