หมอประเวศ” หนุนไทยค้านกัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก แนะใช้วิธีทางการทูตเจรจา หวั่นเกิดสงครามไม่รู้จบ ชี้ทางออกระยะยาวต้องปรับปรุงการเรียนการสอนประวัติศาสตร์ ยกเลิกหลักสูตรปลุกระดมให้เด็กเกลียดชังเพื่อนบ้าน
เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน ศ.นพ. ประเวศ วะสี ราษฎร์อาวุโส และในฐานะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (กวช.) กล่าวว่า ตนเห็นด้วยที่รัฐบาลแสดงจุดยืนชัดเจน กรณียื่นคัดค้านการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชา ต่อองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) แต่อยากแนะนำให้ระวังเกิดเป็นสงครามระหว่างประเทศ และควรใช้วิธีแก้ปัญหาทางอื่นด้วย เช่น การเจรจาทางการทูต รวมทั้งกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ต้องปรับหลักสูตรและวิธีการสอนประวัติศาสตร์เกี่ยวกับเพื่อนบ้านไม่ว่าจะเป็นลาวหรือกัมพูชาใหม่ทั้งหมด เพื่อสร้างความรู้สึกดีๆ ต่อกัน เพราะที่ผ่านมาไทยสอนประวัติศาสตร์ โดยให้ผู้เรียนเกิดความรู้สึกเกลียดชังเพื่อนบ้านมาตลอด
ทั้งนี้ มองว่า ในยุคปัจจุบันไม่จำเป็นต้องสอนประวัติศาสตร์โดยการปลุกระดมอีกแล้ว ซึ่งหากไทยเจรจาและสร้างความเข้าใจกับกัมพูชาได้ก็จะเป็นการป้องกันไม่ให้ปัญหาปราสาทพระวิหารลุกลามและบานปลายไปถึงขั้นเป็นสงคราม เพราะหากกลายสงคราม จะทำให้เกิดความเสียหายอย่างมหาศาลต่อประเทศไม่ว่าจะเป็นชีวิตและทรัพย์สิน รวมทั้งความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วย ส่วนกรณีที่ไทยยื่นคัดค้าน เพื่อขอขึ้นทะเบียนร่วมกับประเทศกัมพูชานั้น ตนก็เห็นด้วย เพราะมองว่าไม่มีอะไรเสียหายทั้ง 2 ประเทศได้ประโยชน์ในการขึ้นทะเบียนร่วมกัน ที่สำคัญปัญหาทุกอย่างก็จะยุติไป
เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน ศ.นพ. ประเวศ วะสี ราษฎร์อาวุโส และในฐานะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (กวช.) กล่าวว่า ตนเห็นด้วยที่รัฐบาลแสดงจุดยืนชัดเจน กรณียื่นคัดค้านการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชา ต่อองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) แต่อยากแนะนำให้ระวังเกิดเป็นสงครามระหว่างประเทศ และควรใช้วิธีแก้ปัญหาทางอื่นด้วย เช่น การเจรจาทางการทูต รวมทั้งกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ต้องปรับหลักสูตรและวิธีการสอนประวัติศาสตร์เกี่ยวกับเพื่อนบ้านไม่ว่าจะเป็นลาวหรือกัมพูชาใหม่ทั้งหมด เพื่อสร้างความรู้สึกดีๆ ต่อกัน เพราะที่ผ่านมาไทยสอนประวัติศาสตร์ โดยให้ผู้เรียนเกิดความรู้สึกเกลียดชังเพื่อนบ้านมาตลอด
ทั้งนี้ มองว่า ในยุคปัจจุบันไม่จำเป็นต้องสอนประวัติศาสตร์โดยการปลุกระดมอีกแล้ว ซึ่งหากไทยเจรจาและสร้างความเข้าใจกับกัมพูชาได้ก็จะเป็นการป้องกันไม่ให้ปัญหาปราสาทพระวิหารลุกลามและบานปลายไปถึงขั้นเป็นสงคราม เพราะหากกลายสงคราม จะทำให้เกิดความเสียหายอย่างมหาศาลต่อประเทศไม่ว่าจะเป็นชีวิตและทรัพย์สิน รวมทั้งความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วย ส่วนกรณีที่ไทยยื่นคัดค้าน เพื่อขอขึ้นทะเบียนร่วมกับประเทศกัมพูชานั้น ตนก็เห็นด้วย เพราะมองว่าไม่มีอะไรเสียหายทั้ง 2 ประเทศได้ประโยชน์ในการขึ้นทะเบียนร่วมกัน ที่สำคัญปัญหาทุกอย่างก็จะยุติไป