“จุรินทร์”เป็นประธานโอนเงินเรียนฟรีจากโรงเรียนที่ขอสละสิทธิ์ให้กับโรงเรียนเล็ก-ห่างไกล ด้าน ผอ.โรงเรียนเล็กเตรียมใช้เงินที่ได้รับจ้างครูมาเพิ่มเติม เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาให้ดีขึ้น
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.ศึกษาธิการ ในฐานะประธานโอนเงินโครงการเรียนฟรี 15 ปี อย่างมีคุณภาพ “สละสิทธิ์ด้วยน้ำใจ ช่วยโรงเรียนห่างไกลคุณภาพ”ซึ่งได้รับเงินจากการสละสิทธิ์ 59 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือโรงเรียนห่างไกล จำนวน 577 โรง ซึ่งจากการการประเมินคุณภาพภายนอกถือว่าต่ำกว่าเกณฑ์ ซึ่งในจำนวน 577 โรง จะมีโรงเรียน 5 โรงได้รับเงินจำนวน 5 แสนบาท ได้แก่ ร.ร.วัดสามัคคีธรรม สำนักเขตพื้นที่การศึกษา(สพท.)สุพรรณบุรี 1 ร.ร.วัดวังอิทก สพท.พิษณุโลก 1 ร.ร.กะตะ สพท.ภูเก็ต ร.ร.บ้านห้วยมะไฟ สพท.ชลบุรี 1 และ ร.ร.หนองกุงวิทยาคาร สพท.ขอนแก่น 1 ส่วนที่เหลืออีก 572 โรง จะได้รับโรงเรียนละ 1 แสนบาท ซึ่งการสละสิทธิ์ของนักเรียนอาจจะเป็นเงินไม่มากนัก แต่เป็นการสร้างคน สร้างอนาคตของเด็กให้มีความแข็งแกร่งของประเทศ
นายชูกิจ จี๋มะลิ โรงเรียนบ้านทับกุมารทอง อ.แม่จัน จ.เชียงราย กล่าวว่า เงินจำนวน 1 แสนบาทที่โรงเรียนได้รับจะนำส่วนหนึ่งไปจ้างครูวิชาคณิตศาสตร์ ภาษาไทย นอกจากนี้ยังจะนำไปพัฒนาสื่อการเรียนการสอน เพราะโรงเรียนเราเป็นโรงเรียนเล็ก มีนักเรียน 70 คน เปิดสอนระดับอนุบาล 1-ป.6 แต่มีครูเพียง 5 คน จึงไม่ครบชั้น ดังนั้นวิธีการจัดชั้นเรียนในปัจจุบัน จึงใช้วิธีการรวมห้อง โดยในระดับ ป.3 และ ป.4 รวมเป็น 1 ห้อง และ ป.5 กับ ป.6 รวมเป็น 1 ห้อง รวมถึงใช้วิธีการเรียนการสอนระบบทางไกลผ่านดาวเทียมมาเสริมในวันที่ไม่มีอาจารย์มาสอน แต่ก็ไม่ได้ละเลยในระหว่างชั้นเรียน
นายชูกิจ กล่าวอีกว่า ยอมรับว่า 1 แสนบาทอาจเป็นเงินที่ไม่มากนัก แต่เงินจำนวนนี้ก็มากกว่าเงินที่ได้รับจากเงินอุดหนุนรายหัว ซึ่งแต่ละปีได้ประมาณ 3-4 หมื่นบาทเท่านั้น ไม่เพียงพอกับการนำมาพัฒนาการศึกษาหรือยกระดับคุณภาพให้นักเรียน แต่ก็มีพันธมิตรองค์การบริหารส่วนตำบล และคนในชุมชนจ้างครูมาช่วยสอน ทำให้ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของนักเรียน 70 คน อยู่เหนือเกณฑ์มาตรฐานของ สมศ.อย่างไรก็ตาม เรายังมีการวางแผนเพื่อช่วยเหลือตัวเองโดยการปลูกยางพารา 20 ไร่ มาเป็นเวลา 3 ปีแล้ว เหลืออีก 2-3 ปีก็สามรารถกรีดยางได้ ถ้าหากกรีดยางได้โรงเรียนจะมีรายได้เข้ามาจ้างครูหรือนำมาพัฒนาสื่อการเรียนการสอน เชื่อว่าจะทำให้คุณภาพของนักเรียนดีขึ้น
นายสมศักดิ์ พิเศษสิทธิกุล ผอ.ร.ร.บ้านคลองกรำ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง กล่าวว่า เงิน 1 แสนบาทที่ได้รับ จะนำมาจ้างครูเอกปฐมวัยที่ยังขาดแคลนอยู่ มีความคิดว่าหากใช้ครูที่ไม่ตรงสาขาในระดับปฐมวัยซึ่งจำเป็นต้องปูพื้นฐานให้เด็ก จะทำให้วิธีการรับรู้ของเด็กอาจจะมีปัญหาได้ นอกจากนี้เราจะต้องไปแก้ปัญหาที่เรายังไม่ผ่านเกณฑ์ของ สมศ.ในส่วนที่มีครูไม่ตรงตามวุฒิ และในส่วนของนักเรียนอยู่ในเกณฑ์ต้องปรับปรุงเรื่องการคิดวิเคราะห์ คือเด็กสามารถเรียนเลข ท่องสูตรคูณได้ แต่เรื่องคิดวิเคราะห์เด็กไม่สามารถอธิบายได้ ดังนั้น จึงจะส่งครูไปศึกษาดูงานหรืออบรมในโรงเรียนที่ประสบความสำเร็จด้านการสอนคิดวิเคราะห์ แล้วนำกลับมาสอนเด็กนักเรียน นอกจากนี้จะให้อาจารย์สอนปลายเปิดมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาเราสอนท่องจำ เด็กจึงมีปัญหาคิดวิเคราะห์ไม่เป็น
นางจริยา ก๋าลัง อาจารย์ ร.ร.บ้านห้วยโรงนอก กล่าวว่า ที่โรงเรียนเป็นสถานศึกษาขนาดเล็ก ใช้รูปแบบเรียนรวมศูนย์โรงเรียน เป็นการรวม 6 โรงเรียนมาเป็น 1 โรงเรียน เนื่องจากโรงเรียนแต่ละแห่งมีเด็กไม่ถึง 10 คน จึงต้องจัดระบบการเรียนการสอนร่วมกันใหม่ทั้งหมด เพื่อยกระดับโรงเรียนให้มีคุณภาพ เพราะหากยังต่างคนต่างสอน โรงเรียนเหล่านี้จะถูกยุบ จึงรวมกลุ่มเหลือเพียงโรงเรียนเดียว
นางจริยา กล่าวต่อว่า ปัญหาของโรงเรียนมีมากมาย อาคารเรียนไม่พอ เพราะแนวโน้มมีนักเรียนเพิ่มขึ้น หลังจากที่มีการรวมโรงเรียนแล้ว นอกจากนี้ยังมีปัญหาครูไม่ตรงวุฒิ ขาดครูเอกดนตรี จึงจะนำเงินส่วนหนึ่งมาจ้างครูเอกดนตรีและพัฒนาสื่อการเรียนการสอน เพราะโรงเรียนแห่งนี้เป็นโรงเรียนขยายโอกาสเปิดสอนถึง ม.3 แล้ว จึงอยากให้เป็นสถานศึกษาที่คนในชุมชนส่งลูกหลานเข้ามาเรียน จะได้ไม่ต้องเดินทางไปไกล ถึงในตัวเมือง ซึ่ง อบต.ห้วยโรงได้ให้การสนับสนุนด้านค่าพาหนะแก่นักเรียนทั้ง 6 โรง เพื่อได้เดินทางมาเรียนที่บ้านห้วยโรงนอก
นายจุรินทร์ กล่าวภายหลังการโอนเงินว่า ตำรายืมเรียนปีหน้าจะมีการพิจารณาอีกครั้ง ว่าจะให้ใช้รูปแบบยืมเรียนหรือให้ขาดไปเลย แต่ได้มีการจัดสรรงบประมาณโครงการเรียนฟรี 15 ปี ในปีหน้าไว้เรียบร้อยแล้ว