“อุเทน” เผย นศ.สามัคคีไม่ซัดทอด หาตัวรุ่นพี่ก่อเหตุไม่ได้ เสนอให้ ตร.เข้าสอบ

“รักษาการรองอธิการบดีฝ่ายบริหารงาน มทร.ตะวันออก อุเทนถวาย” เผยนักศึกษาอุเทนฯ สามัคคีไม่ซัดทอดคนผิด ทำให้ไม่สามารถหาตัวรุ่นพี่จอมซาดิสต์เผาขนเพชรสังเวยรับน้องได้ ระบุรุ่นพี่-รุ่นน้องพูดไม่ตรงกัน เตรียมหอบแฟ้มข้อมูลเสนอ “สรรค์” พร้อมเสนอไอเดียพักการเรียนรุ่นพี่หรือให้ตำรวจเข้ามาสอบสวน ชี้ปีที่ผ่านมาตำรวจเคยเข้ามาสอบสวนเห็นว่ามีการทำงานแบบมืออาชีพ พร้อมระบุอย่างไรต้องให้ผู้ใหญ่ตัดสินใจ

จากกรณีมีนักศึกษาชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย และผู้ปกครองรวมประมาณ 20 คน เดินทางมาร้องเรียนว่าถูกบังคับให้เข้าร่วมกิจกรรมรับน้องใหม่ที่ใช้ความรุนแรง ถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจ โดยต่างมีอาการหวาดหวั่น ไม่อยากให้ข้อมูล หรือเปิดเผยตัวกับผู้สื่อข่าว เพราะถูกรุ่นพี่ที่อุเทนถวายขู่ว่าหากนำเรื่องนี้ไปเปิดเผย จะตามไปทำร้ายถึงบ้านนั้น

ในวันนี้ (10 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวายว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมาบรรยากาศภายในสถานศึกษาดังกล่าวเป็นไปอย่างเรียบร้อย มีการจัดการเรียนการสอนปกติ โดยจากการพูดคุยกับนักศึกษาทั้งชายและหญิงจำนวนหนึ่ง พร้อมกับได้สังเกตกิริยามารยาท รวมถึงพฤติกรรมก็พบว่าเรียบร้อย พูดจาไพเราะ ให้ความเป็นกันเองและไม่มีการแสดงปฏิกิริยาแข็งกร้าวกระด้างแต่อย่างใด

ต่อมาในเวลา 12.45 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสืบพงศ์ ม่วงชู รักษาการรองอธิการบดีฝ่ายบริหารงาน มทร.ตะวันออก อุเทนถวาย กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้มีการพูดคุย ซักถามผู้ปกครองและนักเรียน เกี่ยวกับกิจกรรมรับน้อง รวมถึงรุ่นพี่ พบว่าทั้งสองฝ่ายให้ข้อมูลไม่เหมือนกัน ซึ่งก็ไม่ได้แปลกใจ เพราะเป็นเรื่องปกติ คนทำผิดก็ไม่ต้องการได้รับโทษ อีกทั้งนักศึกษามีความสามัคคีกัน จึงไม่มีการซัดทอดถึงตัวผู้กระทำผิด จึงไม่สามารถระบุได้ว่า รุ่นพี่คนไหนเป็นคนกระทำผิด

ทั้งนี้ ข้อมูลเหล่านี้จะนำไปรายงานต่อ นายสรรค์ วรอินทร์ ที่ปรึกษา สกอ.ในฐานะประธานกรรมการสอบข้อเท็จจริง ในวันนี้เวลา 16.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) ซึ่งจะเสนอด้วยว่า ถ้าหาตัวผู้กระทำผิดไม่ได้ จะสั่งพักการเรียนรุ่นพี่ทุกคณะทุกชั้นปี คือ ปี 2-3-4 หรือให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาสอบสวนกรณีดังกล่าวเพราะว่าเมื่อปีที่ผ่านมา ได้เห็นการทำงานการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจในกรณีรับน้อง แล้วเห็นแล้วว่าตำรวจเป็นมืออาชีพในการค้นหาตัวผู้กระทำผิด อย่างไรก็ตาม ทั้งสองข้อเสนอนี้ต้องให้ผู้ใหญ่เป็นผู้ตัดสินใจ

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้นายสืบพงศ์พร้อมกับนายวิชัย ป้อมประเสริฐ นายกสมาคมศิษย์เก่าอุเทนถวายและอีกราว 30 คน ได้ร่วมประชุมหารือถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ได้มีศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย เดินทางมาจากทั่วประเทศ รวมตัวกัน ณ ห้องประชุม วิทยาเขตอุเทนถวาย ประกอบด้วยศิษย์เก่า ศิษย์ปัจจุบัน และผู้บริหารสถาบัน โดยศิษย์เก่าเดินทางมาเพื่อรับฟังข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น กรณีรุ่นพี่ัรับน้องรุนแรง และช่วยกันหาแนวทางการแก้ไข นายวิชัย ป้อมประเสริฐ นายกสมาคมศิษย์เก่าอุเทนถวาย และศิษย์เก่ารุ่นที่ 22 กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียงให้กับสถาบัน ส่วนเหตุการณ์ความรุนแรงในการรับน้องที่เกิดขึ้นนั้น มองว่าอาจจะมีส่วนจริง ใครทำผิดก็ต้องออกมารับผิด สถาบันไม่ปกป้องใครอยู่แล้ว

ในขณะที่ศิษย์เก่ารายหนึ่งร่วมแสดงความคิดเห็นต่อกรณีดังกล่าวว่า สมัยที่เรียนกิจกรรมรับน้องไม่ได้ใช้ความรุนแรง เพิ่งจะมายุคหลังๆ หรือประมาณ 10 ปี ที่ผ่านมา ที่รุ่นพี่จะมีการรับน้องแบบพิศดารจึงทำให้เกิดปัญหาและสังคมประณามอย่างต่อเนื่อง ทำให้ภาพลักษณ์อุเทนฯ ให้เสียหาย และนักศึกษาที่เรียนจบ จะถูกมองว่าเป็นเด็กเกเร พอไปสมัครงานที่ไหน จะถูกเลือกเป็นลำดับท้ายๆ ยกเว้นบริษัทแห่งนั้นจะมีรุ่นพี่อยู่จึงจะได้รับการพิจารณารับเข้าทำงาน

อย่างไรก็ตาม อยากฝากศิษย์ปัจจุบัน การสร้างความรักสามัคคีระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้อง ควรสร้างความประทับใจให้น้องจำเรื่องดีๆ มากกว่าให้น้องนึกถึงภาพดุร้าย ไม่เช่นนั้นพอนักศึกษาเลื่อนเป็นรุ่นพี่ ก็จะปฏิบัติต่อน้องเหมือนกันที่ถูกปฏิบัติมา เมื่อหลายวันก่อนเห็นกิจกรรมรับน้องผ่านโทรทัศน์ เป็นกิจกรรมของบางสถาบันที่พาน้องไปปลูกต้นไม้ ในฐานะศิษย์เก่าอยากเห็นกิจกรรมเช่นนี้บ้าง อาจจะใช้วิชาความรู้ที่ร่ำเรียนมาไปเป็นประโยชน์ เช่นไปซ่อมอาคารเรียน ทาสี หรืออื่นๆ ดีกว่าที่จะมาทำร้ายรุ่นน้อง

ส่วนด้านนายสมพงษ์ ชีไธสง คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์ วิทยาเขตอุเทนถวาย กล่าวว่า ได้อนุมัติให้นักศึกษาชั้นปีที่ 1 ลาออกแล้วรวม 4 คน ส่วนการของเงินค่าเล่าเรียนคืนนั้น ทางมหาวิทยาลัย ระบุว่าไม่มีปัญหา เพราะเงินอยู่ในระบบอยู่แล้ว และหากไปศึกษาในระเบียบอาจจะสามารถโอนนักศึกษาไปเรียนที่วิทยาเขตอื่นได้

ในขณะที่นายสุรินทร์ เสถียรมาศ รองอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กล่าวถึงกรณีกลุ่มนักศึกษาชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย ร้องเรียนว่าถูกรุ่นพี่รับน้องรุนแรง บังคับให้กินพริกสดและกระดาษ ว่า การกระทำของกลุ่มรุ่นพี่ดังกล่าวหากมีผู้ได้รับบาดเจ็บจะเข้าข่ายการกระทำความผิดอาญา ซึ่งผู้เสียหายที่ได้รับบาดเจ็บสามารถยื่นคำร้องขอรับค่ารักษาพยาบาลได้ตามความเป็นจริงแต่ไม่เกิน 30,000 บาท จากกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ โดยพฤติกรรมการรับน้องรุนแรงนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจควรออกมาป้องปรามมากกว่า เนื่องจากเรื่องนี้ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นในสังคมแต่เกิดขึ้นทุกปีและเป็นเวลานาน นอกจากนี้ ผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบโดยตรงควรสร้างเกราะป้องกันปัญหาเพื่อให้เยาวชนอยู่ในกรอบการรับน้องที่สามารถดูแลได้ รวมทั้งควรนำนักศึกษามาทำกิจกรรมกลุ่มเน้นให้มีความรักใคร่กลมเกลียวกันมากกว่า อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมายังไม่เคยปรากฏว่ามีผู้เสียหายจากกรณีรับน้องรุนแรงมาขอรับค่าชดเชยจากกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น.นักศึกษาอุเทนถวายจำนวนหนึ่งได้เดินลงมายังสนามหญ้าของมหาวิทยาลัย เพื่อทำกิจกรรมรับน้อง โดยตะโกนคำขวัญของสถาบันว่า “ถ้าเรารักสมัครจิต ก็ต้องคิดสามัคคี ถิ่นสีน้ำเงินคือ ที่รวมรัก สมัครคง” ใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที ก็เดินแยกย้ายขึ้นตึกไป

ด้านนายสมศักดิ์ รัตนเชาว์ ที่ปรึกษามหาวิทยาลัย และศิษย์เก่า รุ่น 34 กล่าวว่า ปัจจุบันการรับน้องบิดเบี้ยวต่างจากสมัยก่อนมาก แต่วันนี้เรามีนักศึกษาภาคสมทบซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่จะเข้ามาแก้ไข ระบบโซตัส โดยจะจัดตั้งสโมสรภาคสมทบ เพื่อเข้ามาปลดล็อกระบบโซตัส ซึ่งระบบนี้จะปลดล็อกได้ก็จะต้องใช้ระบบโซตัสด้วยกันเอง นอกจากนี้จะตั้งศูนย์รับข้อมูล เพื่อให้นักศึกษาทุกคนที่มีปัญหาเข้ามาร้องเรียน เชื่อว่าวิธีนี้น่าจะคลี่คลายระบบโซตัสที่มันบิดเบี้ยวได้

เมื่อถามว่าหากหาตัวผู้กระทำผิดไม่ได้ ผู้บริหารมีแนวคิดจะพักการเรียนนักศึกษาทุกระดับชั้นหรือให้ตำรวจเข้ามาสอบสวนอย่างไร นายสมศักดิ์ กล่าวว่า อยากให้ดูคนที่ทำผิดมาลงโทษมากกว่า ไม่อยากให้พักการเรียนทุกคน เพราะจะทำให้เกิดปัญหาด้านการเรียนตามมาภายหลัง อย่างไรก็ตามการตัดสินใจว่าจะเลือกวิธีการไหนนั้น ขึ้นอยู่กับผู้ใหญ่ของกระทรวงฯ เป็นผู้ตัดสินใจ และระบุลงมา