เตรียมยกทีมผู้บริหาร กทม.เข้าพบ “ชวรัตน์” วันที่ 8 มิ.ย.นี้ ขอความเห็นชอบตั้งคณะกรรมการ 6 ฝ่าย เพื่อแก้ไขปัญหารถ-เรือดับเพลิง เผยภายใน 3 สัปดาห์ทราบผลประเมินค่าความเสียหาย พร้อมใช้เป็นข้อมูลเจรจากับคู่กรณีและเป็นข้อมูลทางกฎหมายในอนาคต
วันที่ 7 มิถุนายน พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า ในวันที่ 8 มิ.ย. เวลา 09.30 น. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.และคณะรองผู้ว่าฯ กทม.จะเดินทางเข้าพบ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อเข้าหารือข้อราชการรวม 4 เรื่อง ได้แก่ เรื่องการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิง การออกสลากพิเศษการกุศล การออกพันธบัตร กทม.และการของบประมาณสนับสนุนเพิ่มเติมจากรัฐบาลอีกประมาร 3,000 ล้านบาท เพื่อนำมากระตุ้นเศรษฐกิจของ กทม.
สำหรับเรื่องหลักที่จะเข้าหารือคือเรื่องของการขอความเห็นชอบในการตั้งคระกรรมการร่วม 6 ฝ่าย ประกอบด้วย กระทรวงมหาดไทย กระทรวงต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง สำนักงานอัยการสูงสุด และ กทม.เพื่อร่วมกันหารือถึงแนวทางการแก้ไขปัญหารถและเรือดับเพลิง เพราะถือเป็นปัญหาระดับประเทศ หากให้ กทม.ดูแลเรื่องนี้เพียงฝ่ายเดียวอาจจะมีอำนาจไม่เพียงพอ
พญ.มาลินี กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ จะส่งหนังสือให้กระทรวงการคลังยกเว้นภาษีนำเข้าและภาษีมูลค่าเพิ่มจากการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงของ กทม.มูลค่ากว่า 1,200 ล้านบาท เนื่องจากเป็นสินค้าอยู่ในประเภทสินค้ายุทธภัณฑ์ ให้เหมือนกับที่ทางกระทรวงกลาโหม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดซื้อและได้รับการยกเว้นภาษี ส่วนเรื่องการทำงานร่วมกันระหว่างสำนักงานอัยการสูงสุด และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่หารือในเรื่องของข้อสรุปเรื่องของการดำเนินการฟ้องเรื่อง บริษัท สไตเออร์ฯ ที่ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุนั้น
“คงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทั้งสองหน่วยงานทาง กทม.คงจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวการทำงาน ขณะนี้คงจะต้องรอคำพิจรณาจากทั้งสองแล้วจึงจะหาแนวทางว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร” พญ.มาลินี กล่าว
รองผู้ว่าฯ กทม.กล่าวอีกว่า หลังจากที่ กทม.ได้ตั้งคณะกรรมการชุดตรวจสอบสินค้ารถ เรือ และอุปกรณ์ดับเพลิง ขณะนี้ตนได้มอบหมายให้ นายธีระ ประสิทธิพร รองผู้อำนวยการสำนักการโยธาที่ดำรงในตำแหน่งประธาน ตั้งคณะทำงานเพื่อลงไปตรวจสอบสภาพรถให้ครบทุกแห่งทั้งที่จอดในโกดังสินค้า และที่ท่าเรือ คาดว่า จะทราบผลตรวจว่ามีความเสียหายที่จะต้องซ่อมแซมเป็นจำนวนเงินเท่าไรภายใน 3 สปดาห์ เพื่อจะได้นำไปเป็นข้อมูลในการเจรจากับบริษัท สไตเออร์ฯ และสำหรับเป็นข้อมูลทางกฎหมายต่อไปในอนาคต