ผู้ว่าฯ กทม.มอบนโยบายผู้บริหารโรงเรียน 435 แห่ง แนะครูสอนเด็กเน้นรักชาติอย่างสร้างสรรค์ ด้าน สนอ.ให้ความรู้ป้องกันหวัดมรณะ รับมือเปิดเทอมวันแรก
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. กล่าวในการเป็นประธานในการประชุมผู้บริหารโรงเรียนสังกัด กทม.ทั้ง 435 แห่ง ผู้อำนวยการเขต หัวหน้าฝ่ายการศึกษาทั้ง 50 เขต ประธานกรรมการสถานศึกษา รวมทั้งสิ้น 750 คน เพื่อรับทราบแนวนโยบายด้านการศึกษาของ กทม.และนำไปใช้เป็นแนวทางในการกำหนดทิศทางการพัฒนาการศึกษาของโรงเรียนในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2552 ว่า นโยบายด้านการศึกษาของ กทม.4 ปี กับเป้าหมายการจัดการศึกษาที่มีความมุ่งหวังให้เด็กในสังกัด กทม.มีทักษะและศักยภาพที่เป็นสากลใน 7 ประการ คือ ให้เด็ก กทม. 1.คิดได้ แก้ปัญหาเป็น 2.มีความคิดสร้างสรรค์ 3.มีภาวะผู้นำและทำงานเป็นทีม 4.รู้วิถีโลก 5.เข้าใจและเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร 6.และ 7.พึ่งพาตนเองได้ในการเรียนรู้และทำงาน โดยคำนึงถึงร่างกายอารมณ์ สังคมและสติปัญญา เป็นสำคัญ
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวอีกว่า ความมุ่งหวัง 4 ปี ในการจัดการศึกษาต้องการให้นักเรียนกทม. เป็นเด็กดี มีทักษะความคิด เพิ่มผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน อ่านเขียนได้ ใช้เทคโนโลยีเป็น นอกจากนี้ ตนอยากฝากให้ครูสอนเรื่องความรักชาติ อย่างสร้างสรรค์ ไม่รุนแรงเหมือนการเมืองที่เป็นอยู่อย่างทุกวันนี้ อยากให้เด็ก กทม.เติบโตจากความรักชาติอย่างสร้างสรรค์ ไม่แสดงออกด้วยความรุนแรง อย่างไรก็ตาม ตนอยากฝากผู้บริหารโรงเรียน และครู กทม.ทุกคน ว่า ครูที่ดีนั้น คือ ครูที่พร้อมจะเรียนรู้พัฒนาตัวเองตลอด ความรู้ไม่อยู่นิ่ง อยากให้ครูได้เรียนรู้สิ่งใหม่ที่เกิดขึ้น ทั้งความรู้พื้นฐาน สิ่งที่ตนสอน ความรู้ด้านเทคโนโลยี และด้านภาษาต่างประเทศ ซึ่งการเรียนรู้การพัฒนาตัวเองจะเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ซึ่งองค์กร กทม. ก็ช่วยเหลือเรื่องการให้ความรู้ ฝึกอบรมอยู่แล้ว และครูจะต้องรู้จักช่วยเหลือตัวเอง ด้วย นอกจากนั้นแล้วครูจะต้องพร้อมที่จะถูกทดสอบ ถูกประเมินตลอดเวลา
“ที่สิงคโปร์ ทำไมการศึกษาของบ้านเขาดีกว่าเรา เป็นเพราะระบบของเขาดีกว่า อาจารย์ผู้สอนเป็นผู้ตั้งข้อสอบ ไม่ได้เป็นผู้ตรวจข้อสอบ ดังนั้นถ้าเราสอนไม่เข้าท่า คำตอบของเด็กก็ไม่เข้าท่า เมื่อถูกประเมินก็จากภายนอกเด็กก็จะไม่ผ่านเกณฑ์ เมื่อเด็กไม่ผ่านเกณฑ์ก็สะท้อนมาถึงครูสอนไม่เข้าท่าไปด้วย ดังนั้นสิ่งสำคัญคือครูต้องพร้อมจะพัฒนาตนเองและพร้อมจะถูกประเมินตลอดเวลา เอาใจใส่เด็กทั้งปัญหาส่วนตัวและการเรียน รวมทั้งให้ความสำคัญกับการเรียนรู้นอกห้องเรียน เป็นสำคัญด้วย” ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าว และว่า เด็กมักจะนึกว่าสิ่งที่ปรากฏในเว็บไซต์เป็นความรู้และความจริงทั้งหมด ซึ่งไม่เป็นจริงเสมอไป ดังนั้นตนอยากฝากให้ผู้บริหารโรงเรียนเอาใจใส่ในเรื่องการเรียนรู้ที่ถูกต้องของเด็กๆ โดยเฉพาะการใช้เทคโนโลยีอย่างถูกต้องเหมาะสม แม้จะเป็นเรื่องยาก แต่อยากให้เอาใจใส่และช่วยกันสอดส่องดูแลด้วย
ทั้งนี้ ผู้ว่าฯ กทม.ได้มอบสติกเกอร์ พิมพ์ข้อความ “เด็ก กทม.เด็กฉลาด เรารักชาติ รักสามัคคี” ให้แก่ผู้อำนวยการเขตกลุ่มโซนทั้ง 6 โซน จำนวนทั้งสิ้น 3 แสนชิ้นเพื่อแจกจ่ายแก่เด็กนักเรียนในสังกัด กทม.ด้วย
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. กล่าวในการเป็นประธานในการประชุมผู้บริหารโรงเรียนสังกัด กทม.ทั้ง 435 แห่ง ผู้อำนวยการเขต หัวหน้าฝ่ายการศึกษาทั้ง 50 เขต ประธานกรรมการสถานศึกษา รวมทั้งสิ้น 750 คน เพื่อรับทราบแนวนโยบายด้านการศึกษาของ กทม.และนำไปใช้เป็นแนวทางในการกำหนดทิศทางการพัฒนาการศึกษาของโรงเรียนในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2552 ว่า นโยบายด้านการศึกษาของ กทม.4 ปี กับเป้าหมายการจัดการศึกษาที่มีความมุ่งหวังให้เด็กในสังกัด กทม.มีทักษะและศักยภาพที่เป็นสากลใน 7 ประการ คือ ให้เด็ก กทม. 1.คิดได้ แก้ปัญหาเป็น 2.มีความคิดสร้างสรรค์ 3.มีภาวะผู้นำและทำงานเป็นทีม 4.รู้วิถีโลก 5.เข้าใจและเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร 6.และ 7.พึ่งพาตนเองได้ในการเรียนรู้และทำงาน โดยคำนึงถึงร่างกายอารมณ์ สังคมและสติปัญญา เป็นสำคัญ
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวอีกว่า ความมุ่งหวัง 4 ปี ในการจัดการศึกษาต้องการให้นักเรียนกทม. เป็นเด็กดี มีทักษะความคิด เพิ่มผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน อ่านเขียนได้ ใช้เทคโนโลยีเป็น นอกจากนี้ ตนอยากฝากให้ครูสอนเรื่องความรักชาติ อย่างสร้างสรรค์ ไม่รุนแรงเหมือนการเมืองที่เป็นอยู่อย่างทุกวันนี้ อยากให้เด็ก กทม.เติบโตจากความรักชาติอย่างสร้างสรรค์ ไม่แสดงออกด้วยความรุนแรง อย่างไรก็ตาม ตนอยากฝากผู้บริหารโรงเรียน และครู กทม.ทุกคน ว่า ครูที่ดีนั้น คือ ครูที่พร้อมจะเรียนรู้พัฒนาตัวเองตลอด ความรู้ไม่อยู่นิ่ง อยากให้ครูได้เรียนรู้สิ่งใหม่ที่เกิดขึ้น ทั้งความรู้พื้นฐาน สิ่งที่ตนสอน ความรู้ด้านเทคโนโลยี และด้านภาษาต่างประเทศ ซึ่งการเรียนรู้การพัฒนาตัวเองจะเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ซึ่งองค์กร กทม. ก็ช่วยเหลือเรื่องการให้ความรู้ ฝึกอบรมอยู่แล้ว และครูจะต้องรู้จักช่วยเหลือตัวเอง ด้วย นอกจากนั้นแล้วครูจะต้องพร้อมที่จะถูกทดสอบ ถูกประเมินตลอดเวลา
“ที่สิงคโปร์ ทำไมการศึกษาของบ้านเขาดีกว่าเรา เป็นเพราะระบบของเขาดีกว่า อาจารย์ผู้สอนเป็นผู้ตั้งข้อสอบ ไม่ได้เป็นผู้ตรวจข้อสอบ ดังนั้นถ้าเราสอนไม่เข้าท่า คำตอบของเด็กก็ไม่เข้าท่า เมื่อถูกประเมินก็จากภายนอกเด็กก็จะไม่ผ่านเกณฑ์ เมื่อเด็กไม่ผ่านเกณฑ์ก็สะท้อนมาถึงครูสอนไม่เข้าท่าไปด้วย ดังนั้นสิ่งสำคัญคือครูต้องพร้อมจะพัฒนาตนเองและพร้อมจะถูกประเมินตลอดเวลา เอาใจใส่เด็กทั้งปัญหาส่วนตัวและการเรียน รวมทั้งให้ความสำคัญกับการเรียนรู้นอกห้องเรียน เป็นสำคัญด้วย” ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าว และว่า เด็กมักจะนึกว่าสิ่งที่ปรากฏในเว็บไซต์เป็นความรู้และความจริงทั้งหมด ซึ่งไม่เป็นจริงเสมอไป ดังนั้นตนอยากฝากให้ผู้บริหารโรงเรียนเอาใจใส่ในเรื่องการเรียนรู้ที่ถูกต้องของเด็กๆ โดยเฉพาะการใช้เทคโนโลยีอย่างถูกต้องเหมาะสม แม้จะเป็นเรื่องยาก แต่อยากให้เอาใจใส่และช่วยกันสอดส่องดูแลด้วย
ทั้งนี้ ผู้ว่าฯ กทม.ได้มอบสติกเกอร์ พิมพ์ข้อความ “เด็ก กทม.เด็กฉลาด เรารักชาติ รักสามัคคี” ให้แก่ผู้อำนวยการเขตกลุ่มโซนทั้ง 6 โซน จำนวนทั้งสิ้น 3 แสนชิ้นเพื่อแจกจ่ายแก่เด็กนักเรียนในสังกัด กทม.ด้วย
