ผู้ประกอบการเรือข้ามฟากสาทรครวญเปิดให้บริการบีทีเอส 2.2 กิโลเมตร อาจจะทำยอดหายสูงถึง 80% ในวันหยุด 30% ในวันธรรมดา เตรียมแผนเอาตัวรอดเปิดขายก๋วยเตี๋ยวเรือ-ทำลานเบียร์ที่ท่าเทียบเรือแทนเพื่อพยุงรายได้ ชี้แม้มีรถไฟฟ้าข้ามเจ้าพระยาแต่คงไม่สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมขับรถของคนกรุงได้
นายบุญเสริม สุภาพร เจ้าของกิจการห้างหุ้นส่วนจำกัด ทรัพย์ธนนคร ซึ่งเป็นผู้ประกอบการเดินเรือข้ามฟากจากท่าเรือเป๊ปซี่-ท่าเรือสาทร กล่าวว่า หลังจากที่ส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีลม ระยะทาง 2.2 กิโลเมตร จากสถานีสะพานตากสิน-สถานีวงเวียนใหญ่ เปิดทดลองให้บริการแก่ประชาชนวันนี้เป็นแรกนี้ ซึ่งในชั่วโมงเร่งด่วนยังคงมีประชาชนมาใช้บริการเอข้ามฟากไปสาทรในปริมาณเท่าเดิม เนื่องจากรถไฟฟ้า 2.2 กิโลเมตร เปิดให้บริการเวลา 08.00 น.จึงทำให้ยอดผู้โดยสารเรือข้ามฟากในชั่วโมงเร่งด่วนระหว่างเวลา 07.00-09.00 น.นั้นมีปริมาณเท่าเดิม แต่หลังจากนั้นยอดผู้โดยสารลดลงจนเห็นได้ชัด
อย่างไรก็ตาม ตนยังไม่สามารถคำนวณได้ว่ายอดผู้โดยสารหายไปเท่าไหร่ในวันแรกของการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์จึงจะทราบตัวเลขที่แท้จริง แต่จากที่ได้มีการสำรวจนั้นคาดว่ายอดผู้โดยสารจะหายไปประมาณ 30% จากจำนวนผู้โดยสารวันละ 12,000 คนในอัตราค่าโดยสาร 3 บาทในวันธรรมดา ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ คาดว่าจะหายไปประมาณ 70-80% จากจำนวนผู้โดยสาร 7,000 คน เพราะผู้โดยสารเห็นว่าไม่จำเป็นประกอบกับหากจะเดินมาท่าเรือต้องเดินเท้าประมาณ 400 เมตร อีกทั้งรถไม่สามารถวิ่งเข้ามารับส่งได้เพราะปิดถนนให้คนเดินเท่านั้นจึงเป็นส่วนทำให้ยอดผู้มาใช้บริการลดลง อย่างไรก็ตาม การให้บริการระยะแรกของรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายเป็นการให้บริการฟรี 3 เดือนแรกซึ่งประชาชนชอบอยู่แล้ว ดังนั้นจึงคาดว่าเมื่อครบ 3 เดือนจะมีจำนวนประชาชนกลับมาโดยสารเรือข้ามฟากเพิ่มขึ้น
นายบุญเสริม กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ หากจำนวนผู้โดยสารหายไปจากระบบตามที่เราคาดการณ์ไว้จริงเราก็คงต้องปรับตัวเพื่อให้สามารถเอาตัวรอดได้ซึ่งตนได้เตรียมทางออกไว้หลายทาง เช่น อาจจะเปิดขายก๋วยเตี๋ยวน้ำตกบนท่าเรือ และใช้เรือเป็นสถานที่รับประทานอาหารแทนเพราะเรือของเรามีดาดฟ้าเรือสามารถรองรับคนคนได้ รวมถึงอาจจะเปิดขายอาหารตามสั่ง และทำลานเบียร์แทนโดยในส่วนนี้ก็อาจจะมีการปรับเปลี่ยนเวลาการให้บริการจาก 05.30-23.00 น. เป็น 05.30-20.00 น.แทน รวมถึงลดจำนวนเรือที่ให้บริการข้ามฟากลง ตลอดจนจะหยุดการต่อเรือโดยสารข้ามฟากจากแต่เดิมที่ต่อปีละลำมูลค่า 1 ล้านบาทเพื่อมารองรับการให้บริการประชาชนซึ่งปีหน้าก็จะงดเว้น ทั้งนี้หากไม่ปรับตัวเองก็จะทำให้กิจการอยู่ไม่ได้และเมื่อถึงขั้นนั้นก็จะมีผลกระทบต่อพนักงานที่จะต้องปลดออกซึ่งปัจจุบันนี้มีพนักงานถึง 70 คน
“ผมไม่ต้องการความชวยเหลือจากภาครัฐหรอก เพราะขอไปกี่ครั้งทั้งในนามส่วนตัวหรือในนามสมาคมก็ไม่เคยได้รับอะไรเลย ผมชินแล้ว แค่นี้ไม่ท้อหรอก เพราะช่วยเหลือตัวเองมาตลอด เพื่อนผู้ประกอบการได้โทร.มาให้กำลังใจบอกให้ใจเย็นๆ ซึ่งก็คิดว่าเราน่าจะอยู่ได้เพราะเรามีการให้บริการที่ดี มีคุณภาพ ปลอดภัย เมื่อเทียบกับท่าเทียบเรือแห่งอื่นแล้ว ผู้โดยสารก็ชื่นชอบการให้บริการของเราก็คิดว่าน่าจะอยู่ได้ อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อว่าส่วนต่อขยายรถไฟฟ้า 2.2 กิโลเมตรจะสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมให้คนเลิกใช้รถยนต์ส่วนตัวมาใช้บริการรถไฟฟ้าแทน เพราะคนไทยติดค่านิยมที่เวลาไปไหนต้องขับรถไปเพื่อให้เป็นที่น่าเชื่อถือจึงคิดว่าตรงนี้ไม่น่าจะช่วยได้มากนัก” เจ้าของกิจการเรือข้ามฟากท่าเรือสาทร กล่าว