“ชัยวุฒิ” เผย ครม.อนุมัติให้เดินหน้า กรอ.อีก 1 ปีเพราะมีเงินเหลือ 7 พันล้าน แต่ต้องแก้ พ.ร.บ.กยศ.เปิดช่องปี 53 ให้เด็กที่มาจากครอบครัวเกิน 2 แสนกู้ กยศ.ต้องเลือกเรียนสาขาขาดแคลน เพิ่มรายหัวอาหารกลางวัน 8,500 ล้าน จาก 10 บาท เป็น 13 บาท ให้เด็กก่อนวันเรียนถึง ป.6 อิ่มท้องทุกคน
นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.มีมติอนุมัติให้ กองทุนเงินให้กู้ยืมที่ผูกกับรายได้ในอนาคต หรือ กรอ.ดำเนินการต่อตามที่กระทรวงการคลัง เสนอ แต่ให้ดำเนินงานต่อเท่าที่มีเงินเหลือผูกพันโดยไม่มีการนำงบประมาณเข้าไปเพิ่ม ขณะนี้มีเงินอยู่ประมาณ 7,000 ล้านบาท สามารถให้ผู้กู้รายใหม่ได้ประมาณ 20,000 คน รวมถึงรองรับคนเดิมที่กู้อยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ในปีการศึกษา 2553 และให้แก้ไข พ.ร.บ.กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เพื่อให้ผู้มีรายได้ครอบครัวเกิน 200,000 บาทสามารถกู้ กยศ.ได้ โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องเลือกเรียนสาขาที่ขาดแคลนเท่านั้น
ครอบคลุมบางสาขาวิชา เพราะต่อไปจะไม่มี กองทุน กรอ. ม กรอ.เนื่องจาก กยศ.มีเงื่อนไขว่ารายได้ของครอบครัวต้องไม่เกิน 200,000 บาท โดยจะเปิดช่อง กยศ.มีรายได้เกิน 200,000 บาท แต่นักเรียน นักศึกษาที่ขอกู้นั้นจะต้องศึกษาในสาขาที่ขาดแคลน
“ขณะนี้มองว่ากองทุน 2 ระบบซ้อนกัน เดิมปีนี้จะยกเลิก กรอ.แต่เห็นว่ามีเงินเหลืออยู่และให้ผูกพันได้อีก 4 ปี โดยไม่ต้องเติมเงิน ซึ่งให้เด็กใหม่กู้ได้อีก 20,000 คน ทั้งนี้ต้องเร่งแก้ไข พ.ร.บ.กยศ.เพื่อเปิดช่องให้ผู้ที่มาจากครอบครัวที่มีรายได้เกิน 2 แสนบาท มีสิทธิกู้แต่ต้องเลือกเรียนสาขาขาดแคลน ส่วนใหญ่จะเป็นสายอาชีพ”
นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ครม. มีมติอนุมัติ เพิ่มค่าอาหารกลางวันจากปัจจุบันได้รายหัวละ 10 บาทเป็น 13 บาท ซึ่งให้ร้อยละ 60 ของจำนวนนักเรียนเป็นให้ครบทุกคน ตั้งแต่เด็กก่อนวัยเรียนจนถึง ป. 6 ทุกสังกัด เช่น ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก โรงเรียนสังเทศบาล โรงเรียนสังกัด สพฐ. และโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ฯลฯ โดยจะใช้งบประมาณเพิ่มประมาณ 8,500 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มในงบประมาณปี 2553 หรือภาคเรียนที่ 2 การเพิ่มค่าอาหารกลางวันเพื่อต้องการแบ่งเบาภาระของผู้ปกครองและสอดรับกับที่มีการเรียกร้องเรื่องนี้จำนวนมาก พร้อมกันนี้ยังได้ ครม.อนุมัติให้เด็ก ป.5-6 ได้ดื่มนมทุกคนจากเดิมให้แค่ ป.4
นายชัยวุฒิ กล่าวต่อว่า ครม.มีมติให้แก้ไขในหลักการ พ.ร.บ.การศึกษา 3 ฉบับ ได้แก่ 1.พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ 2.พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา และ 3.พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ
นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.มีมติอนุมัติให้ กองทุนเงินให้กู้ยืมที่ผูกกับรายได้ในอนาคต หรือ กรอ.ดำเนินการต่อตามที่กระทรวงการคลัง เสนอ แต่ให้ดำเนินงานต่อเท่าที่มีเงินเหลือผูกพันโดยไม่มีการนำงบประมาณเข้าไปเพิ่ม ขณะนี้มีเงินอยู่ประมาณ 7,000 ล้านบาท สามารถให้ผู้กู้รายใหม่ได้ประมาณ 20,000 คน รวมถึงรองรับคนเดิมที่กู้อยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ในปีการศึกษา 2553 และให้แก้ไข พ.ร.บ.กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เพื่อให้ผู้มีรายได้ครอบครัวเกิน 200,000 บาทสามารถกู้ กยศ.ได้ โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องเลือกเรียนสาขาที่ขาดแคลนเท่านั้น
ครอบคลุมบางสาขาวิชา เพราะต่อไปจะไม่มี กองทุน กรอ. ม กรอ.เนื่องจาก กยศ.มีเงื่อนไขว่ารายได้ของครอบครัวต้องไม่เกิน 200,000 บาท โดยจะเปิดช่อง กยศ.มีรายได้เกิน 200,000 บาท แต่นักเรียน นักศึกษาที่ขอกู้นั้นจะต้องศึกษาในสาขาที่ขาดแคลน
“ขณะนี้มองว่ากองทุน 2 ระบบซ้อนกัน เดิมปีนี้จะยกเลิก กรอ.แต่เห็นว่ามีเงินเหลืออยู่และให้ผูกพันได้อีก 4 ปี โดยไม่ต้องเติมเงิน ซึ่งให้เด็กใหม่กู้ได้อีก 20,000 คน ทั้งนี้ต้องเร่งแก้ไข พ.ร.บ.กยศ.เพื่อเปิดช่องให้ผู้ที่มาจากครอบครัวที่มีรายได้เกิน 2 แสนบาท มีสิทธิกู้แต่ต้องเลือกเรียนสาขาขาดแคลน ส่วนใหญ่จะเป็นสายอาชีพ”
นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ครม. มีมติอนุมัติ เพิ่มค่าอาหารกลางวันจากปัจจุบันได้รายหัวละ 10 บาทเป็น 13 บาท ซึ่งให้ร้อยละ 60 ของจำนวนนักเรียนเป็นให้ครบทุกคน ตั้งแต่เด็กก่อนวัยเรียนจนถึง ป. 6 ทุกสังกัด เช่น ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก โรงเรียนสังเทศบาล โรงเรียนสังกัด สพฐ. และโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ฯลฯ โดยจะใช้งบประมาณเพิ่มประมาณ 8,500 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มในงบประมาณปี 2553 หรือภาคเรียนที่ 2 การเพิ่มค่าอาหารกลางวันเพื่อต้องการแบ่งเบาภาระของผู้ปกครองและสอดรับกับที่มีการเรียกร้องเรื่องนี้จำนวนมาก พร้อมกันนี้ยังได้ ครม.อนุมัติให้เด็ก ป.5-6 ได้ดื่มนมทุกคนจากเดิมให้แค่ ป.4
นายชัยวุฒิ กล่าวต่อว่า ครม.มีมติให้แก้ไขในหลักการ พ.ร.บ.การศึกษา 3 ฉบับ ได้แก่ 1.พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ 2.พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา และ 3.พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ