กทม.พร้อมรับสถานการณ์น้ำปี 52 โดยเฉพาะฝนตก น้ำท่วมขังอย่างเต็มที่ คาดปีนี้ปริมาณฝนเทียบเท่าปีที่ผ่านมา โดยเตรียมล้างทำความสะอาดท่อระบายน้ำ ขุดลอกคูคลอง เตรียมหน่วยเคลื่อนที่เร็วกว่า 30 ชุด เข้าสูบน้ำในพื้นที่น้ำท่วมขัง ย้ำหากฝนไม่เกิน 60 มม./ชม. น้ำไม่ท่วม แต่อาจต้องใช้เวลา ขอให้ประชาชนเข้าใจ
นายประกอบ จิรกิติ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยถึงการสนองพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เรื่องการพัฒนาโครงการแก้มลิงเตรียมพื้นที่รับน้ำป้องกันน้ำท่วม กทม. ว่า ขณะนี้ กทม.ได้ดำเนินการก่อสร้างพื้นที่แก้มลิงเพื่อเตรียมรองรับปริมาณน้ำ ในพื้นที่ล่อแหลมเสี่ยงน้ำท่วม เช่น ด้านตะวันออกของกรุงเทพฯ ได้สร้างที่บึงสะแกงามสามวา ในเขตมีนบุรี ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง นอกจากนี้ก็มีอุโมงค์ระบายน้ำที่บริเวณลาดพร้าว ที่เสร็จแล้วเป็นบางจุด ซึ่งหากแล้วเสร็จจะสามารถรองรับน้ำใน กทม.ได้เป็นปริมาณมาก แต่ยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะสามารถเพิ่มพื้นที่แก้มลิงได้อีกปริมาณเท่าใด เนื่องจากใน กทม.มีข้อจำกัดในเรื่องของพื้นที่ แต่จากการประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ได้กำชับให้ทุกเขตที่พอจะมีพื้นที่ว่าง ซึ่งไม่จำเป็นต้องมีพื้นที่กว้างหลายร้อยไร่ สามารถดำเนินการสร้างแก้มลิงได้เลย เพื่อใช้สำหรับกักเก็บน้ำในช่วงหน้าฝนที่กำลังจะมาถึง
นอกจากเรื่องเขื่อนแก้มลิง นายประกอบ กล่าวว่า กทม. ได้เตรียมความพร้อมในเรื่องของการป้องกันน้ำท่วมไว้เป็นอย่างดี ทั้งในส่วนของการพร่องน้ำตามลำคลองต่าง ๆ ให้ต่ำกว่าปกติ และมีการขุดลอกคูคลอง ท่อระบายน้ำทั่ว กทม. โดยขอความร่วมมือจากกรมราชทัณฑ์ ดำเนินการร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักการระบายน้ำในการดำเนินการดังกล่าว พร้อมกับได้เตรียมหน่วยเคลื่อนที่เร็ว (BEST) เพื่อเข้าไปสูบน้ำตามพื้นที่เขตต่าง ๆ ที่มีปัญหาน้ำท่วมขัง เบื้องต้นเตรียมเจ้าหน้าที่ไว้ประมาณ 30 ชุด และหากประชาชนที่พบเห็นว่า ในพื้นที่ใดยังความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วม สามารถโทรแจ้งได้ที่เบอร์ 1555 เมื่อรับทราบก็จะรีบส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปแก้ไขทันที และขอความร่วมมือประชาชนไม่ทิ้งขยะลงท่อระบายน้ำ เพราะจะทำให้กีดขวางทางระบายน้ำ โดยเฉพาะพลาสติกเนื่องจากทำลายได้ยาก
นอกจากนี้ หลังจากที่ได้ร่วมประชุมกับคณะผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงาน โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) เรื่องคาดการณ์ปริมาณน้ำฝนในปีนี้ นายประกอบ กล่าวว่า จากการคำนวนตัวเลขสถิติในปีที่ผ่าน ๆ มา พบว่า จะมีปริมาณน้ำฝนจะไม่มากกว่าในปีที่ผ่านมา แต่ที่เป็นห่วงคือ ลักษณะการตกของฝน ที่มีลักษณะตกแรง และเร็ว จึงเป็นห่วงว่า หากตกลงมามาก อาจทำให้บางพื้นที่มีน้ำขังอยู่บ้าง เนื่องจากท่อระบายน้ำที่สร้างใน กทม.ปัจจุบันมีขนาดเล็ก สามารถระบายน้ำฝนได้ในปริมาณ 60 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง เท่านั้น จึงขอให้ประชาชนเข้าใจว่า หากปริมาณน้ำฝนเกิน 60 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง อาจจะต้องใช้เวลาในการระบายน้ำมากขึ้น แต่ก็สามารถระบายได้อย่างแน่นอน
นายประกอบ จิรกิติ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยถึงการสนองพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เรื่องการพัฒนาโครงการแก้มลิงเตรียมพื้นที่รับน้ำป้องกันน้ำท่วม กทม. ว่า ขณะนี้ กทม.ได้ดำเนินการก่อสร้างพื้นที่แก้มลิงเพื่อเตรียมรองรับปริมาณน้ำ ในพื้นที่ล่อแหลมเสี่ยงน้ำท่วม เช่น ด้านตะวันออกของกรุงเทพฯ ได้สร้างที่บึงสะแกงามสามวา ในเขตมีนบุรี ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง นอกจากนี้ก็มีอุโมงค์ระบายน้ำที่บริเวณลาดพร้าว ที่เสร็จแล้วเป็นบางจุด ซึ่งหากแล้วเสร็จจะสามารถรองรับน้ำใน กทม.ได้เป็นปริมาณมาก แต่ยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะสามารถเพิ่มพื้นที่แก้มลิงได้อีกปริมาณเท่าใด เนื่องจากใน กทม.มีข้อจำกัดในเรื่องของพื้นที่ แต่จากการประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ได้กำชับให้ทุกเขตที่พอจะมีพื้นที่ว่าง ซึ่งไม่จำเป็นต้องมีพื้นที่กว้างหลายร้อยไร่ สามารถดำเนินการสร้างแก้มลิงได้เลย เพื่อใช้สำหรับกักเก็บน้ำในช่วงหน้าฝนที่กำลังจะมาถึง
นอกจากเรื่องเขื่อนแก้มลิง นายประกอบ กล่าวว่า กทม. ได้เตรียมความพร้อมในเรื่องของการป้องกันน้ำท่วมไว้เป็นอย่างดี ทั้งในส่วนของการพร่องน้ำตามลำคลองต่าง ๆ ให้ต่ำกว่าปกติ และมีการขุดลอกคูคลอง ท่อระบายน้ำทั่ว กทม. โดยขอความร่วมมือจากกรมราชทัณฑ์ ดำเนินการร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักการระบายน้ำในการดำเนินการดังกล่าว พร้อมกับได้เตรียมหน่วยเคลื่อนที่เร็ว (BEST) เพื่อเข้าไปสูบน้ำตามพื้นที่เขตต่าง ๆ ที่มีปัญหาน้ำท่วมขัง เบื้องต้นเตรียมเจ้าหน้าที่ไว้ประมาณ 30 ชุด และหากประชาชนที่พบเห็นว่า ในพื้นที่ใดยังความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วม สามารถโทรแจ้งได้ที่เบอร์ 1555 เมื่อรับทราบก็จะรีบส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปแก้ไขทันที และขอความร่วมมือประชาชนไม่ทิ้งขยะลงท่อระบายน้ำ เพราะจะทำให้กีดขวางทางระบายน้ำ โดยเฉพาะพลาสติกเนื่องจากทำลายได้ยาก
นอกจากนี้ หลังจากที่ได้ร่วมประชุมกับคณะผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงาน โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) เรื่องคาดการณ์ปริมาณน้ำฝนในปีนี้ นายประกอบ กล่าวว่า จากการคำนวนตัวเลขสถิติในปีที่ผ่าน ๆ มา พบว่า จะมีปริมาณน้ำฝนจะไม่มากกว่าในปีที่ผ่านมา แต่ที่เป็นห่วงคือ ลักษณะการตกของฝน ที่มีลักษณะตกแรง และเร็ว จึงเป็นห่วงว่า หากตกลงมามาก อาจทำให้บางพื้นที่มีน้ำขังอยู่บ้าง เนื่องจากท่อระบายน้ำที่สร้างใน กทม.ปัจจุบันมีขนาดเล็ก สามารถระบายน้ำฝนได้ในปริมาณ 60 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง เท่านั้น จึงขอให้ประชาชนเข้าใจว่า หากปริมาณน้ำฝนเกิน 60 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง อาจจะต้องใช้เวลาในการระบายน้ำมากขึ้น แต่ก็สามารถระบายได้อย่างแน่นอน
