เลขาฯ กพฐ.ดูแล 4 นักเรียน กลับจากเม็กซิโกก่อนครบกำหนดทุนเอเอฟเอส ให้เข้าเรียนได้ตามปกติ ขณะเดียวกัน สั่ง ร.ร.เตรียมหามาตรการป้องกันโรคติดต่อก่อนเปิดเทอม โดยเฉพาะไข้เลือดออก และไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009
คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยถึงนักเรียนทุนเอเอฟเอส 7 คน ซึ่งเดินทางกลับมาจากเม็กซิโก ว่า เป็นนักเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) 4 คน ขณะนี้ที่เป็นห่วง คือ เรื่องการเรียน เพราะกลับมาก่อนกำหนดเดิมประมาณ 2 เดือน คงต้องหาทางช่วยเหลือดูแลกันต่อไป เนื่องจากไม่ใช่ความผิดของเด็กๆ และจากเหตุการณ์ดังกล่าว จึงได้ฝากไปถึงโรงเรียนให้เตรียมมาตรการก่อนเปิดเทอม ว่า นอกจากการดูแลความเรียบร้อยตามปกติแล้ว ต้องเพิ่มมาตรการป้องกันเรื่องโรคติดต่อ โดยเฉพาะโรคไข้เลือดออก ที่มีผู้ป่วยกว่า 6,700 คน ในปีนี้ไปแล้ว และมหันตภัยใหม่ที่ทุกคนกำลังหวาดกลัว คือ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 คงต้องเข้มงวดตั้งแต่การตรวจตราในเรื่องของความสะอาดและปลอดภัยของสภาพแวดล้อมในโรงเรียน โรงอาหาร ห้องน้ำ สนามเด็กเล่น บริเวณที่เก็บขยะ ต้นไม้ที่มีผลเป็นพิษ สระน้ำที่ต้องมีมาตรการป้องกันการตกน้ำ หรือพลัดลื่นลงไป เส้นทางถนนที่เด็กเดินทางผ่าน ตลอดจนชุมชนข้างเคียงที่เด็กอยู่อาศัย ฯลฯ การเฝ้าระวังดูแลสุขภาพของเด็กๆ ช่วงเปิดเทอม หากมีอาการที่น่าเป็นห่วงไม่ว่าจะด้วยโรคใด ให้เร่งปรึกษาแพทย์
ด้าน นายสุชาติ วงศ์สุวรรณ ที่ปรึกษาด้านพัฒนากระบวนการเรียนรู้ สพฐ.เปิดเผยว่า เท่าที่ได้ข้อมูลคร่าวๆ ของนักเรียนทั้ง 7 คน ซึ่งอีก 3 คน อยู่โรงเรียนเอกชน เข้าใจว่าคงจะไม่เดินทางกลับไปเรียนแล้ว เนื่องจากเหลือเวลาอีกประมาณ 2 เดือน จะครบกำหนด ส่วนการเทียบโอนผลการเรียนเพื่อกลับเข้ามาเรียนตามปกตินั้น จะต้องดูทรานสคริปต์ของนักเรียนที่ได้จากการแลกเปลี่ยนก่อน อย่างไรก็ตาม สพฐ.จะดูแลนักเรียนตามระเบียบที่มีอยู่แล้ว ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนักเรียนด้วยว่า จะลงทะเบียนเรียนซ้ำอีก เพื่อนำผลการเรียนไว้สอบเข้าสถาบันอุดมศึกษาหรือไม่ หากไม่เน้นมากก็จะเทียบโอนความรู้และประสบการณ์ให้
คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยถึงนักเรียนทุนเอเอฟเอส 7 คน ซึ่งเดินทางกลับมาจากเม็กซิโก ว่า เป็นนักเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) 4 คน ขณะนี้ที่เป็นห่วง คือ เรื่องการเรียน เพราะกลับมาก่อนกำหนดเดิมประมาณ 2 เดือน คงต้องหาทางช่วยเหลือดูแลกันต่อไป เนื่องจากไม่ใช่ความผิดของเด็กๆ และจากเหตุการณ์ดังกล่าว จึงได้ฝากไปถึงโรงเรียนให้เตรียมมาตรการก่อนเปิดเทอม ว่า นอกจากการดูแลความเรียบร้อยตามปกติแล้ว ต้องเพิ่มมาตรการป้องกันเรื่องโรคติดต่อ โดยเฉพาะโรคไข้เลือดออก ที่มีผู้ป่วยกว่า 6,700 คน ในปีนี้ไปแล้ว และมหันตภัยใหม่ที่ทุกคนกำลังหวาดกลัว คือ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 คงต้องเข้มงวดตั้งแต่การตรวจตราในเรื่องของความสะอาดและปลอดภัยของสภาพแวดล้อมในโรงเรียน โรงอาหาร ห้องน้ำ สนามเด็กเล่น บริเวณที่เก็บขยะ ต้นไม้ที่มีผลเป็นพิษ สระน้ำที่ต้องมีมาตรการป้องกันการตกน้ำ หรือพลัดลื่นลงไป เส้นทางถนนที่เด็กเดินทางผ่าน ตลอดจนชุมชนข้างเคียงที่เด็กอยู่อาศัย ฯลฯ การเฝ้าระวังดูแลสุขภาพของเด็กๆ ช่วงเปิดเทอม หากมีอาการที่น่าเป็นห่วงไม่ว่าจะด้วยโรคใด ให้เร่งปรึกษาแพทย์
ด้าน นายสุชาติ วงศ์สุวรรณ ที่ปรึกษาด้านพัฒนากระบวนการเรียนรู้ สพฐ.เปิดเผยว่า เท่าที่ได้ข้อมูลคร่าวๆ ของนักเรียนทั้ง 7 คน ซึ่งอีก 3 คน อยู่โรงเรียนเอกชน เข้าใจว่าคงจะไม่เดินทางกลับไปเรียนแล้ว เนื่องจากเหลือเวลาอีกประมาณ 2 เดือน จะครบกำหนด ส่วนการเทียบโอนผลการเรียนเพื่อกลับเข้ามาเรียนตามปกตินั้น จะต้องดูทรานสคริปต์ของนักเรียนที่ได้จากการแลกเปลี่ยนก่อน อย่างไรก็ตาม สพฐ.จะดูแลนักเรียนตามระเบียบที่มีอยู่แล้ว ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนักเรียนด้วยว่า จะลงทะเบียนเรียนซ้ำอีก เพื่อนำผลการเรียนไว้สอบเข้าสถาบันอุดมศึกษาหรือไม่ หากไม่เน้นมากก็จะเทียบโอนความรู้และประสบการณ์ให้
