xs
xsm
sm
md
lg

“กมลพรรรณ” บุก ศธ.พานักเรียนยื่นหนังสือ รมช.ศธ.ให้เลิกเกณฑ์ กสพท.ไม่ใช้เอเน็ต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“หมอกมลพรรณ” พานักเรียน ม.ปลาย ยื่นหนังสือ รมช.ศึกษาธิการ ขอให้ยกเลิกเกณฑ์ กสพท.ที่จะไม่พิจารณาคะแนนเอเน็ต และคะแนนความถนัดทางวิชาชีพ หากทำคะแนนโอเน็ตได้ไม่ถึง ร้อยละ 60 อ้างละเมิดสิทธิเด็ก และปิดโอกาสเด็กที่จบก่อนปี 2548 อยากสอบใหม่ เพราะไม่มีคะแนนโอเน็ต


วันนี้ (30 เม.ย.) เวลา 09.00 น.ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กลุ่มนักเรียนชั้น ม.ปลายประมาณ 10 คน นำโดย พญ.กมลพรรณ ชีวพันธุ์ศรี ประธานเครือข่ายพ่อแม่ผู้ปกครองเพื่อการปฏิรูปการศึกษา ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รมช.ศึกษาธิการ เพื่อขอให้พิจารณาศึกษา สืบสวนกรณีที่เด็กถูกละเมิดสิทธิจากการจัดการศึกษา และการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย โดย พญ.กมลพรรณ กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ได้รับการร้องเรียนจากนักเรียนที่สอบคัดเลือกระบบรับตรงของกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (กสพท.) ปีการศึกษา 2552 เนื่องจากมีคะแนนแบบทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน (โอเน็ต) ไม่ถึง 60% จึงไม่ได้รับการพิจารณาคะแนนแบบทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นสูง (เอเน็ต) และคะแนนการสอบความถนัดทางการแพทย์ ซึ่งเห็นว่าเรื่องนี้ไม่มีความยุติธรรม จึงต้องการให้ยกเลิกเกณฑ์ดังกล่าว เพราะสร้างภาระแก่เยาวชน ถ่วงศักยภาพเด็กที่ต้องเตรียมความรู้ในการศึกษาต่อ เนื่องจากการสอบโอเน็ตนั้น มีบางวิชาที่ไม่เกี่ยวข้องกับคณะแพทยศาสตร์ ขณะเดียวกัน ควรเปิดโอกาสให้นักเรียนที่จบการศึกษาก่อนปีการศึกษา 2548 ซึ่งไม่มีคะแนนโอเน็ตมีสิทธิ์สอบคัดเลือกของ กสพท.และมหาวิทยาลัยของรัฐ เพราะขณะนี้มีเด็กบางคนถูกรีไทร์ และคิดจะกลับมาสอบใหม่ แต่ก็ไม่สามารถทำได้ จึงถือเป็นการลิดรอนสิทธิ์ และปิดโอกาสในการเข้าศึกษาต่อสถาบันอุดมศึกษาของรัฐด้วย

“นอกจากนี้ จะขอให้ยกเลิกการใช้คะแนนโอเน็ต และคะแนนเฉลี่ยสะสมตลอดหลักสูตร ม.ปลาย หรือ จีพีเอเอ็กซ์ ในการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อสถาบันอุดมศึกษาในระบบรับกลาง การรับนิสิต นักศึกษา หรือแอดมิชชัน โดยให้พิจารณาจากคะแนนการทดสอบแบบการวัดความถนัดทั่วไป หรือ GAT และการวัดศักยภาพทางวิชาชีพ/วิชาการ หรือ PAT เท่านั้น ซึ่งแม้ที่ผ่านมาทาง ศธ.จะออกมาระบุว่า การใช้คะแนนจีพีเอเอ็กซ์ และโอเน็ต จะทำให้เด็กสนใจเรียนในห้องมากขึ้น และหันไปกวดวิชา รวมทั้งโดดเรียนน้อยลง แต่เมื่อดูจากผลวิจัยของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และมูลนิธิเครือข่ายครอบครัว พบว่า สัดส่วนการเรียนกวดวิชาเพิ่มมากขึ้น โดยเห็นได้จากมูลค่าของรายได้ที่เกิดจากการกวดวิชาจากเดิม 6 พันล้านบาท เป็น 25,000 ล้านบาท จึงไม่มั่นใจว่าจะช่วยลดการกวดวิชาได้จริงหรือไม่ ขณะเดียวกันการสอบโอเน็ตก็สอบได้เพียงครั้งเดียวในชีวิตด้วย จึงควรยกเลิกอย่างยิ่ง” พญ.กมลพรรณ กล่าว

ประธานเครือข่ายพ่อแม่ผู้ปกครองเพื่อการปฏิรูปการศึกษา กล่าวอีกว่า อยากให้กลับมาใช้ระบบเอนทรานซ์เหมือนเดิม โดยใช้ความรู้ของ ม.6 เท่านั้น ไม่ควรนำข้อสอบของชั้นปี 1-2 มาใช้ เพราะจะทำให้ข้อสอบยากเกินไป และเด็กจะหันไปกวดวิชา ส่วนการสอบ GAT และ PAT นั้น ไม่อยากให้มีการเปิดสอบ โดยใครก็สามารถมาสอบได้ แต่ควรจำกัดเฉพาะเด็ก ม.6 เท่านั้น เพราะไม่เช่นนั้นเด็กจะเร่งเรียน และไม่สนใจเรียนในห้อง รวมทั้งจะทำให้เด็กเสียค่าใช้จ่ายในการสอบค่อนข้างมากด้วย โดยที่ผ่านมาทราบว่ามีโรงเรียนขนาดใหญ่หลายแห่งได้รวบการเรียนในภาคเรียนที่ 2 มาสอนในภาคเรียนที่ 1 เพื่อให้เด็กสอบได้ทันในครั้งที่ 2 และ 3 ขณะเดียวก็ควรให้เด็กสอบ GAT และ PAT โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายสองครั้งต่อปี รวมทั้งมหาวิทยาลัยควรยกเลิก หรือจัดสอบระบบรับตรงให้น้อยลง เพราะเด็กที่มีฐานะยากจนจะหมดสิทธิ์ทันที เนื่องจากไม่มีเงินที่จะไปวิ่งสอบหลายที่

พญ.กมลพรรณ กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตาม หลังจากที่สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) นำข้อสอบ GAT และ PAT ขึ้นเว็บไซต์ จะมีการจัดประชุมฟอรั่มเพื่อวิเคราะห์ข้อสอบว่าเป็นข้อสอบที่เหมาะสมหรือไม่ และเด็กได้ประโยชน์อะไรจากคำถามแต่ละข้อ
กำลังโหลดความคิดเห็น