วธ.เร่งรัดไอซีทีปราบปรามปิดเว็บลามก กระทุ้ง มท.โดยผู้ว่าฯ ต้องกวดขันร้านเกม ร้านอินเทอร์เน็ต เปิดช่องทางการแจ้งร้องเรียนสื่ออนาจารผ่านศูนย์ฮอตไลน์ 1212 พร้อมขยายกลุ่มเฝ้าระวัง หวังดึงศิลปินเข้าร่วมเป็นแบบอย่างเยาวชน
เมื่อวันที่ 30 เม.ย. นายธีระ สลักเพชร รมว.วัฒนธรรม กล่าวว่า จากการประชุมศูนย์ปฏิบัติการสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์แห่งชาติ ครั้งที่ 1/2552 โดย วธ.ได้เป็นเจ้าภาพในการดำเนินการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการ ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย (มท.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) สำนักเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ สำนักงานเลขาธิการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สถาบันวิจัยแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว ม.มหิดล และสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มีการพิจารณาถึงแนวทางการดำเนินงานเกี่ยวกับการพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ โดยผู้แทนจากสำนักเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ ได้เสนอความคิดเห็นว่า การทำงานของศูนย์ปฏิบัติการควรให้ความสำคัญในการส่งเสริมการผลิตสื่อที่ดี เนื่องจากมาตรการปราบปรามสื่อที่ไม่เหมาะสม การออกกฎข้อบังคับผู้ผลิตสื่อหรือผู้บริโภค มักจะถูกมองว่า เป็นการออกมาตรการบังคับโดยภาครัฐ ซึ่งอาจจะไม่ได้รับการสนับสนุน อีกทั้งยังถูกต่อต้านจากคนในสังคมอย่างรุนแรง
รมว.วัฒนธรรม กล่าวต่อว่า ดังนั้น ที่ประชุมจึงมีความเห็นตรงกันว่าในระบบการทำงานของศูนย์ปฏิบัติการฯ จะต้องเร่งแก้ไขปัญหาด้านสื่อในปัจจุบันอย่างเร่งด่วน โดยมอบหมายให้สตช. ประสานกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ทำหน้าที่ปฏิบัติงานด้านการป้องกันและปราบปราม ในเรื่องการปิดกั้นเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสม ได้แก่ เว็บไซต์ลามกอนาจาร ขัดต่อศีลธรรมอันดีของสังคม เป็นต้น ในส่วรกระทรวงมหาดไทย โดยผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ปกครองส่วนท้องถิ่นและวัฒนธรรมจังหวัด เร่งกวดขันดูแลเรื่องร้านเกมอินเทอร์เน็ตในแต่ละจังหวัด นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้มีมติเห็นชอบแนวทางการทำงานของศูนย์ปฏิบัติการ ดังนี้ 1.การสนับสนุนการผลิตสื่อคุณภาพสร้างมาตรฐานของสื่อที่เหมาะสม และการเฝ้าระวังสื่อที่ไม่เหมาะสม โดยหาแนวร่วมด้านการรณรงค์เพื่อให้เกิดกระแสทางสังคมให้มีพื้นที่สื่อดีมากกว่าสื่อเลว นอกจากนี้ จะมีการเปิดช่องทางการแจ้งสายด่วนร้องเรียนการเผยแพร่สื่อไม่เหมาะสมมายังศูนย์ปฏิบัติการ ผ่านหมายเลข ศูนย์ฮอตไลน์ 1212 ด้วย
2.การนำงบประมาณจากกองทุนเพื่อพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ มาช่วยสนับสนุนภารกิจของศูนย์ปฏิบัติการในการส่งเสริมหน่วยงานภาคีรณรงค์และสร้างองค์ความรู้ให้ประชาชนรู้เท่าทันสื่อ 3.การขยายเครือข่ายเฝ้าระวังทางสังคม โดยเฉพาะกลุ่มผู้ผลิตสื่อและศิลปินซึ่งต้นแบบสำคัญของเด็ก ให้เข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น 4.การบริหารจัดการองค์ความรู้ให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบของศูนย์ปฏิบัติการ รวมทั้งเครือข่ายเฝ้าระวังโดยมีการเปิดเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นประเด็นปัญหาสื่อต่างๆ ร่วมกัน ทั้งนี้ ที่ประชุมจึงมีมติเห็นชอบให้มีการจัดทำแผนการดำเนินงานและกิจกรรมอย่างเร่งด่วน เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้ทราบการป้องกันและปราบปรามสื่อที่ไม่เหมาสมโดยเร็วที่สุดด้วย” นายธีระ กล่าว
