“มาร์ค” ห่วงปล่อยกู้ นร.-นศ.อิสลาม สั่งแก้หลังพบคิดดอกเบี้ยขัดหลักมุสลิม

อภิสิทธิ์” ห่วงปล่อยกู้ กยศ.นักเรียน นักศึกษาอิสลาม เรียก “นริศรา” แจง เร่งหาทางออกไม่ให้ขัดต่อหลักศาสนา ขณะที่ “ครูกุ้ง” เตรียมนำมติ กยศ.และข้อสังเกต ธ.อิสลามแห่งประเทศไทย เข้าที่ประชุมองค์กรหลัก ศธ.ให้ช่วยกันฟันธง หลัง ธ.อิสลาม ชี้ มติ กยศ.ที่ให้ ธ.กรุงไทย ดำเนินการโดยให้ ธ.อิสลามแห่งประเทศไทย รับช่วง ยังขัดต่อหลักมุสลิม เพราะเรียกเก็บดอกเบี้ยจากนักเรียน นักศึกษา

น.ส.นริศนา ชวาลตันพิพัทธ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ตามที่มติ ครม.เมื่อวันที่ 28 ม.ค.2552 ให้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) บมจ.ธนาคารกรุงไทย และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย กำหนดแนวทางการทำงานร่วมกัน ให้ กยศ.เพิ่มผู้บริหารจัดการเงินให้กู้ยืมสำหรับนักศึกษามุสลิมเป็นการเฉพาะให้สอดคล้องกับหลักศาสนา เมื่อเร็วๆ นี้ กยศ.ได้นำเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมคณะกรรมการ กยศ.และแจ้งให้ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ทราบว่า ที่ประชุมพิจารณาแล้วเห็นว่าการปฏิบัติงานของ บมจ.ธนาคารกรุงไทย ยังไม่ขัดต่อหลักศาสนาอิสลาม เนื่องจากเงินให้กู้ยืมแก่นักเรียน นักศึกษามุสลิมเป็นเงินบริสุทธิ์ มิใช่เงินจากดอกเบี้ย หรือเงินจากดอกผลประโยชน์อันเกิดจากการกู้ยืมมาจัดสรรให้กู้ยืมต่อ แต่เป็นเงินที่ได้รับจากการจัดสรรงบประมาณแผ่นดิน

ดังนั้น บมจ.ธนาคารกรุงไทย ทำหน้าที่เป็นเพียงผู้บริหารและจัดการของกองทุน ซึ่งเป็นงบประมาณของรัฐบาลเท่านั้น นอกจากนี้ คณะกรรมการ กยศ.ยังมีมติด้วยว่า การกู้ยืมตามหลักศาสนาอิสลามให้ บมจ.ธนาคารกรุงไทย เป็นผู้ดำเนินการ โดยธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย อาจเป็นผู้รับช่วงการดำเนินการจาก บมจ.กรุงไทย โดยให้เป็นข้อตกลงระหว่างธนาคารทั้งสองแห่ง ซึ่งคณะกรรมการ กยศ.ได้ทำหน้งสือแจ้งถึงมติดังกล่าวต่อธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยแล้วนั้น

“ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยได้ทำหนังสือถึงดิฉัน และผู้จัดการ กยศ.โดยตั้งข้อสังเกตถึงมติคณะกรรมการ กยศ.ว่า การปฏิบัติงานของ บมจ.ธนาคารกรุงไทย ในปัจจุบันนั้น แม้จะไม่ขัดต่อหลักการทางศาสนาตามที่ กยศ.ชี้แจงมา แต่เมื่อนักศึกษากู้ยืมเงินไปแล้ว นักศึกษาจะต้องชำระดอกเบี้ย ซึ่งขัดต่อบทบัญญัติของศาสนาอิสลาม ตามหลักการที่สำคัญของอิสลามเกี่ยวกับระบบธนาคาร คือ การห้ามเรื่องดอกเบี้ยหรือ ริบา ทั้งการรับและการให้ ซึ่งปรากฏชัดเจนในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน”น.ส.นริศรา กล่าว

รมช.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า ตนจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าหารือในที่ประชุมผู้บริหารองค์กรหลัก กระทรวงศึกษาธิการ ในวันนี้ (20 เม.ย) ซึ่งมีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน ให้ร่วมกันพิจารณาถึงมติ กยศ.และข้อสังเกตของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย เพื่อกำหนดแนวทางในการดำเนินการ และนำเรียนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในวันที่ 21 เม.ย.เนื่องจากนายกรัฐมนตรีมีความเป็นห่วงเรื่องดังกล่าวมาก และขอทราบความคืบหน้าตลอดจนปัญหาในการดำเนินงานของ กยศ.จากตนในวันดังกล่าว ซึ่งหากนักเรียน นักศึกษามุสลิม สามารถกู้ยืมเงินจาก กยศ.ได้โดยไม่ขัดต่อหลักการทางศาสนา เชื่อว่า จะสามารถช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของนักเรียน นักศึกษาใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ได้จำนวนมากทีเดียว