การเมืองไทยป่วนเลื่อนส่งมอบวัตถุโบราณให้กัมพูชาไม่มีกำหนด ก.ต่างประเทศ ร่อนหนังสือแจงเหตุสถานการณ์ในไทยยังไม่นิ่ง วัตถุโบราณทั้ง 7 ชิ้น ยังอยู่ในความดูแลของกรมศิลปากร รอ ครม.กำหนดวันส่งมอบอีกครั้ง
นายเกรียงไกร สัมปัชชลิต อธิบดีกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวว่า จากการที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เป็นตัวแทนรัฐบาลไทยมอบวัตถุโบราณซึ่งเป็นเศียรอสูร หรือยักษ์ 1 เศียร ให้แก่สมเด็จฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีประเทศกัมพูชา ไปเมื่อวันที่ 10 เมษายน ที่ผ่านมาระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรีอาเซียน +3 และ +6 ที่โรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท พัทยา จ.ชลบุรี ไปแล้ว และมีกำหนดส่งมอบเศียรยักษ์ที่เหลืออีก 5 เศียร เศียรเทพ หรือเทวดา 1 เศียร ในวันที่ 18 เม.ย.นั้น ขณะนี้ตนได้รับหนังสือแจ้งจากกระทรวงการต่างประเทศให้เลื่อนการส่งมอบไปก่อน เนื่องจากทางคณะรัฐมนตรีเห็นว่าสถานการณ์ทางการเมืองของประเทศไทย ยังไม่สงบนิ่ง คณะรัฐมนตรีจึงไม่พร้อมจะส่งมอบวัตถุโบราณที่เหลืออีก 6 เศียร และได้แจ้งไปยังทางการกัมพูชาให้ได้รับทราบแล้ว ซึ่งทางการกัมพูชาได้แสดงความเห็นใจและเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้น
อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า สำหรับกำหนดการที่จะส่งมอบวัตถุโบราณอย่างเป็นทางการทั้งหมด ทางกระทรวงการต่างประเทศ แจ้งว่า ขอเลื่อนไปโดยไม่มีกำหนด จนกว่าสถานการณ์ของประเทศไทยจะเข้าสู่ภาวะปกติ และรอให้คณะรัฐมนตรีมีมติกำหนดวันส่งมอบอีกครั้ง ส่วนกรมศิลปากรขณะนี้ได้ทำหน้าที่ดูแลรักษาวัตถุโบราณทั้งหมดอย่างดี รวมถึงเศียรยักษ์ ที่ นายอภิสิทธิ์ ส่งมอบให้สมเด็จฮุนเซน เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ก็อยู่ในความดูแลของกรมศิลปากรด้วยเช่นกัน เนื่องจากพิธีดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อเป็นพิธีเชิงสัญลักษณ์เท่านั้น ทางการกัมพูชายังไม่ได้นำเอาเศียรยักษ์กลับไป ขณะนี้วัตถุโบราณทั้ง 7 ชิ้นยังอยู่ในความดูแลของกรมศิลปากร อย่างไรก็ตาม ผลจากพิธีมอบวัตถุโบราณไปเมื่อวันที่ 10 เม.ย.นั้น ทำให้ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่าสองประเทศดีขึ้นตามลำดับ คาดว่า จะมีความร่วมมือระดับหน่วยงานและเจ้าหน้าที่ระหว่างกรมศิลปากรของไทยและกัมพูชา เร็วๆ นี้ ไม่ว่าจะเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ บุคลากรทางด้านโบราณคดี โบราณวัตถุระหว่างสองประเทศ
นายเกรียงไกร กล่าวอีกว่า สำหรับวัตถุโบราณที่เหลืออีก 36 ชิ้น ที่ยังไม่สามารถส่งคืนได้ เนื่องจากหลักฐานที่กัมพูชาจัดส่งมายังไม่เพียงพอที่จะสามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นโบราณวัตถุจากประเทศกัมพูชาหรือไม่ หากกัมพูชาจัดส่งหลักฐานมาเพิ่มเติม กรมศิลป์ก็พร้อมที่จะดำเนินการตรวจสอบและพิสูจน์ให้ทันที อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีวัตถุโบราณ กว่า 100 ชิ้นที่กรมศิลปากรอยู่ระหว่างการดำเนินการพิสูจน์ว่าเป็นของประเทศไทย ทั้งนี้วัตถุโบราณส่วนใหญ่มาจากที่กรมศุลกากรได้ตรวจยึดจากการนำเข้าประเทศโดยผิดกฎหมายจากในประเทศและต่างประเทศ