xs
xsm
sm
md
lg

อย.เตือนใช้ "โบท็อกซ์" ห่วยเสี่ยงถึงตาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพประกอบข่าวจากอินเทอร์เน็ต
อย. เตือนใช้ "โบท็อกซ์" ไม่มีคุณภาพเสี่ยงอันตราย เกิดผลแทรกซ้อน ถึงขั้นเสียชีวิตได้ เผยสหรัฐสกัดโบท็อกซ์บริสุทธิ์สูงสุดได้รายเดียว ส่วนเกาหลี จีน ไต้หวัน รัสเซียยังไม่มีการจดทะเบียนว่านำโบท็อกซ์มาใช้กับมนุษย์ได้ แถมข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ระบุว่า ฉีดโบท็อกซ์ที่บริเวณหน้าผากได้ แต่หางตา แก้ม คาง น่องไม่รับประกันความปลอดภัย

ภญ.วีรวรรณ แตงแก้ว รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวการลักลอบนำสารโบทูลินัม ท็อกซินหรือโบท็อกซ์ เพื่อใช้ในการเสริมความงาม ว่า ปัจจุบันการศัลยกรรมความงามมีหลากหลายรูปแบบ ซึ่งจำเป็นต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้บริการหรือรับการรักษา ซึ่งพบว่าสารดังกล่าวมีการนำไปใช้ใน 4 ระดับ โดยสารโบทูลินัมท็อกซิน ที่จะนำมาใช้กับใบหน้าต้องเป็นชนิดที่สกัดบริสุทธิสูงสุด หรือชนิดเอ ซึ่งปัจจุบันมีเพียงประเทศสหรัฐอเมริกาที่สามารถสกัดได้ความบริสุทธิ์ชนิดเอ ส่วนสารที่ผลิตจากประเทศอื่นเช่น เกาหลี จีน ไต้หวัน รัสเซีย นั้น ขณะนี้ยังไม่มีการจดทะเบียนที่มีข้อบ่งชี้ว่าสามารถนำมาใช้ในมนุษย์ได้ และอาจมีอันตราย เกิดผลแทรกซ้อน และเคยพบรายงานการเสียชีวิตในประเทศสหรัฐอเมริกาแล้ว อย.มีการเฝ้าระวัง แต่พบว่ามีการลักลอบนำเข้าโดยการหิ้วเข้ามาจำนวนน้อยๆ แบบกองทัพมด จึงทำให้จับกุมได้ยาก

“การใช้สารชนิดที่ไม่บริสุทธิ์พอ หรือ ไม่ได้ฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยเฉพาะการฉีดในสถานบริการที่ไม่มีเครื่องมือทางการแพทย์ หากเกิดอาการแทรกซ้อน หรือ การแพ้เกิดขึ้น อาจทำให้ช่วยเหลือไม่ทัน โดยเฉพาะการฉีดนั้น ต้องใช้ความเชี่ยวชาญเพราะต้องควบคุมปริมาณ และตำแหน่งที่ฉีด หากฉีดโดนเส้นเลือดอาจก่อให้เกิดอันตรายและเสี่ยงที่จะเสียชีวิตได้ เพราะสารดังกล่าวมีฤทธิ์ในการจะทำให้ระบบการหายใจหยุดทำงานได้ นอกจากนี้ การฉีดในสถานเสริมสวยอาจก่อให้เกิดการติดเชื้อได้”ภญ.วีรวรรณ กล่าว

ภญ.วีรวรรณ กล่าวต่อว่า สารโบทูลินัม ท็อกซิน มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ ว่าสามารถคลายการหดเกร็งของกล้ามเนื้อมัดใหญ่ได้ ทำให้กล้ามเนื้อหย่อนตัวลงได้ เดิมนำมาใช้ลดอาการกระตุก เกร็งชัก ทำให้กล้ามเนื้อหย่อนตัว รักษาอาการตาเข ส่วนด้านการเสริมความงาม มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ว่าสามารถใช้ที่บริเวณหน้าผากได้ แต่ปัจจุบันพบว่า มีการนำมาใช้ในจุดอื่นๆ เช่น หางตา แก้ม คาง ซึ่งหากใช้โดยผู้ที่ไม่ใช่แพทย์ไม่มีความรู้เพียงพอ อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ โดยสารดังกล่าวจะสลายตัวไปเองภายในเวลา 4-6 เดือน แต่หากเป็นตำแหน่งสำคัญที่ได้รับผลกระทบ จะต้องรักษาโดยการฉีดยาแก้พิษในตำแหน่งที่ฉีดสารเข้าไป

ด้านนพ.จิโรจน์ สินธวานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กล่าวว่า การฉีดสารดังกล่าวเพื่อการเสริมสวย ควรทำโดยผู้เชี่ยวชาญ หรือแพทย์เฉพาะทาง เนื่องจากมีข้อจำกัดหลายอย่าง ทั้งปริมาณในการฉีด ซึ่งแต่ละตำแหน่งจะใช้ปริมาณไม่เท่ากัน และบริเวณที่ฉีดต้องเป็นกล้ามเนื้อมัดที่มีขนาดใหญ่จึงจะได้ผลดี และต้องดูแลให้มีการปลอดเชื้ออย่างดี ซึ่งผลกระทบที่เกิดจากการฉีดสารโบทูลินัม ท็อกซิน ที่สามารถพบได้บ่อย เช่น ทำให้ตาปิดไม่ลง คิ้วไม่เท่ากัน ใบหน้าไม่สามารถแสดงความรู้สึกได้ มีเลือดออกตกค้าง รอยช้ำใต้ผิวหนัง การติดเชื้อบริเวณที่ฉีดทำให้เกิด ฝี ตุ่ม หนอง อักเสบ เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ฉีดผิดตำแหน่ง รักษาความสะอาดได้ไม่ดีพอ ใช้ปริมาณสารโบทูลินัม ท็อกซิน ไม่เหมาะสมกับตำแหน่งที่ฉีด

“ปัจจุบันมีความน่าเป็นห่วงมากเพราะมีการนำสารโบทูลินัม ท็อกซิน มาใช้ในตำแหน่งอื่นของร่างกายโดยยังไม่มีงานวิจัย หรือ รายงานทางการแพทย์รองรับ เช่น การฉีดน่อง ซึ่งต้องใช้ปริมาณสารโบทูลินัม ท็อกซิน จำนวนมากกว่าบริเวณใบหน้า หากใช้จำนวนมากเกินไป ส่วนรอยย่นที่ใบหน้านั้น ไม่ใช่เรื่องเสียหาย หรือความผิดปกติ สามารถใช้ครีมกันแดดหรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวช่วยได้”นพ.จิโรจน์ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น